อัจฉริยะ ยื่นสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 จังหวัดสมุทรสงคราม เร่งรัดคดี ทนายตั้ม
วันนี้(12 พ.ย. 67) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 เพื่อยื่นหนังสือเร่งรัดคดีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กับพวกตกเป็นผู้ต้องหาในคดี 100/2 หลอกนักโทษว่าสามารถลดโทษได้ ที่ตำรวจภาคภูธรภาค 7 สั่งฟ้องมาตั้งแต่ปี 2563 แต่อัยการไม่สั่งคดีแต่อย่างใด
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีตนได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษตั้งแต่เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นคดีที่ "ทนายตั้ม“ ร่วมกันกับพวกที่เป็นตํารวจหลอกลวงต้องหาในคดียาเสพติดว่าสามารถวิ่งเต้นคดีได้โดยใช้ พ.ร.บ.มาตรา 100/2 ช่วยในการลดโทษ ทําให้ผู้ต้องหาหลงเชื่อจึงได้มอบเงินจํานวน 4 แสนบาท ให้กับ “ทนายตั้ม” ต่อมาชุดพนักงานสอบสวนตํารวจภูธรภาค 7 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบการกระทําผิดจริง โดยมีการบันทึกการจับกุมอันเป็นเท็จ
หลังจากนี้ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมาจับ “ทนายตั้ม” กับพวก ในข้อหาใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จ จากนั้นมีการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. และส่งกลับมาให้ตํารวจภูธรภาค 7 ดําเนินการสืบสวนสอบสวนและดําเนินคดีต่อ จากการสืบสวนมีการสรุปสํานวนสั่งฟ้องไปให้อัยการทุจริตภาค 7 ตั้งแต่ปี 2563 แต่พนักงานอัยการขณะนั้นได้นําสํานวนดังกล่าวไปซ่อนโดยไม่มีการพิจารณาหรือให้ความเห็นทางสํานวนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าคดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน วันนี้ยื่นครั้งที่ 3 หากยังไม่ดำเนินการตนจะฟ้องเอาผิดอธิบดีทุกคน ทั้งนี้ภายหลังเข้ายื่นหนังสือ นายอัจฉริยะ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คดีนี้กลุ่มผู้ต้องหามีการร้องขอความเป็นธรรมมากกว่า 10 ครั้ง เพื่อประวิงเวลา แต่ล่าสุดอธิบดีอัยการทุจิรตภาค 7 คนใหม่เล็งเห็นถึงความสําคัญและวันนี้จะเสนอไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน พร้อมทิ้งท้ายว่า “หากสั่งฟ้องทนายตั้มเหนื่อยแน่
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน