เปิดใจ ดีเจนุกนิก แฟนสาวของ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย จากรับงานเลขาขยับมาเป็นแฟน

เปิดใจ ดีเจนุกนิก แฟนสาวของ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย จากรับงานเลขาขยับมาเป็นแฟน

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมนายธนวันต์ หรือ “อาจารย์อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ได้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี หลังศาลอาญาพิจารณาเห็นควรให้มีการอนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” และเตรียมคุมตัวเข้าทำการสอบปากคำเพิ่มเติมยังกองบังคับการปราบปราม โดยคดีนี้มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้มาแจ้งความกับ บช.ก. จากนั้นก็มีผู้เสียหายรายอื่นๆ เข้ามาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง รวมการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งสิ้น 67 คน มูลค่าความเสียหาย 108 ล้านบาท ต่อมาหนึ่งในคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย และถูกพาดพิงถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็คือ นุกนิก หรือ ดีเจนุกนิก อดีตแฟนสาวของ แป้งฝุ่น ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ที่เลิกรากันไป ก่อนที่นุกนิกจะไปเป็นแฟนสาวของอาจารย์อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย สำหรับดีเจนุกนิก หรือประภาพร สุทธิพุฒ อายุ 33 ปี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการนางแบบ ด้วยผลงานถ่ายแบบเซ็กซี่ ผ่านทางโลกออนไลน์ อาทิ Cup E และนิตยสารอย่าง อมยิ้มแม็ก จนทำให้มีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. รายการโหนกระแส วันนี้ นุกนิก และแป้งฝุ่น มานั่งพูดคุยกันในรายการ ซึ่งได้เล่าที่มาที่ไปของการที่นุกนิกไปรู้จักกับอาจารย์อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ได้อย่างไร นุกนิกเล่าว่า ตอนนั้นเลิกรากับแป้งฝุ่นไปได้ประมาณ 2 เดือน ตนไปทำงานดีเจเปิดเพลงที่ประเทศลาว ปรากฏว่าอาจารย์อ๊อด ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาทักมาทางเฟซบุ๊ก ว่าเขาไปเที่ยวที่ลาว แล้วเห็นเราไปเปิดเพลง แต่ตัวเขาลืมแหวนเอาไว้ จะรบกวนฝากถือแหวนนี้กลับมาคืนที่ กทม.หน่อยได้ไหม โดยได้ให้คนขับรถเอาแหวนนี้มาฝากกับตน หลังจากนั้นได้มีการนัดหมายคืนแหวน ซึ่งตอนที่มาเจอกัน เขาก็ถามว่าเราจะมีไปทำงานที่ไหนต่อ เราบอกว่าเราจะไปทำงานดีเจที่เมียนมา

เขาบอกว่ามันไม่ปลอดภัยเพราะมีการสู้รบอยู่ เขาอยากจะไปเป็นเพื่อน ตอนนั้นเราพอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาอยากไปก็ไป แต่ไม่ได้พักด้วยกัน บินไฟลต์เดียวกัน แต่ตนไปกับเพื่อน พอไปถึงเมียนมา เขาก็บอกให้ย้ายโรงแรมมาอยู่โรงแรมที่เขาจอง เพราะปลอดภัยกว่า และเป็นโรงแรมที่เกรดดีกว่า เราก็ไป นุกนิกยังเล่าว่า ช่วงแรกอาจารย์อ๊อดไม่ได้มีท่าทีมาจีบ เขาก็ดูเป็นสุภาพบุรุษดี จนเขาแนะนำให้ไปทำงานกับเขา เป็นเหมือนเลขาส่วนตัว จ้างเดือนละ 1.5 แสนบาท โดยช่วงแรกก็แค่ทำงาน หลังๆ เริ่มสนิทสนมกันก็เลยคบหาเป็นแฟนกัน ช่วงที่คบกัน มารู้ว่าเขาติดพนัน ตอนที่ไปเที่ยวเมืองนอกด้วยกัน เขาเล่นพนันหนักมาก แล้วยังมาทราบทีหลังว่า อาจารย์อ๊อดไปยืมเงินเพื่อนของนุกนิกเยอะมาก

โดยเขาไปคุยกันเองกับเพื่อนของตนโดยที่ตนไม่รู้มาก่อน แล้วมายืมเงินตนหลายแสน ซึ่งก็ทวงคืนจนได้คืนมา นุกนิกเล่าอีกว่า จนอยู่ด้วยกันไปได้สักพัก เริ่มอึดอัดมาก เพราะมาทราบว่าเขามีลูกเมีย แล้วเขาก็บังคับไม่ให้เจอใครเลย แล้วเขายังเอามือถือนุกนิกไป เขาเอาบัญชีธนาคารของนุกนิกไปใช้ในการรับเงินและจ่ายเงิน โดยมีรหัสเข้าเครื่องที่เราเคยบอกเขาไว้ กับรหัสแอพพ์ธนาคารที่เราจดไว้ในโน้ตในมือถือ อาจารย์อ๊อดมีวิธีเอาเงินออกไปจากบัญชีเราหลายวิธี ทั้งโอนออกไปเป็นเงินสด ถ้าต้องโอนเกินลิมิตที่แอพพ์กำหนด แล้วต้องสแกนหน้า เขาก็จะบังคับให้เราสแกน แล้วบางทีก็เอาแอพพ์บิตคอยน์มาสแกนออกจากแอพพ์ธนาคาร เพื่อเลี่ยงไม่ต้องใช้การสแกนใบหน้า เวลาจะเอาเงินออกไปเยอะๆ

นุกนิกยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องว่า เงินเข้าเงินออกที่ผ่านบัญชีของตน เข้ามาจากไหน ออกไปที่ไหน อาจารย์อ๊อดเป็นคนจัดการเองหมด ตนเคยบอกว่าไม่อยากให้มายุ่ง มาใช้บัญชีของตน แต่เขาก็ไม่ยอม ก็เลยพยายามจะหนี ขอความช่วยเหลือไปที่แป้งฝุ่น จนแป้งฝุ่นมาช่วยออกไปในรอบแรก แต่ตอนนั้นหนีมาโดยที่เอามือถือเครื่องสำคัญที่อาจารย์ไปฝากไว้กับแม่ ปรากฏว่าอาจารย์ไปตามหานุกนิกที่บ้านแม่ของนุกนิก ไปโวยวาย อาละวาด แล้วแย่งเอามือถือนุกนิกมา โดยทำทีว่าสลับเครื่องในเคส แล้วคืนให้แม่ไป แต่เครื่องที่คืนให้แม่เป็นเครื่องอื่น ไม่ใช่เครื่องของนุกนิก เพื่อหลอกแม่ว่าคืนมือถือให้แล้ว ต่อมาเขาขู่กับนุกนิกว่า ถ้าอยากได้โทรศัพท์คืน ให้ไปเอาที่เขา แล้วจะให้โทรศัพท์คืน แล้วจะปล่อยไป จะให้กลับ

ด้วยความที่มือถือเครื่องนั้นเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เราก็เลยไป แต่พอไป เขาก็มาง้อ มาอ้อนวอนขอโอกาส เรากลัวจะถูกทำร้ายร่างกาย ก็เลยกลับไปอยู่กับเขา แล้วรอบนี้โดนคุมเข้มยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ให้เราติดต่อใครเลย จนมาทราบเรื่องว่าเขากำลังมีเรื่อง มีคดี จากรายการโหนกระแส ตอนนั้นตนคิดว่าอยู่กับอาจารย์อ๊อดไม่ได้แล้ว จึงโทรบอกให้พี่สาวมารับ แต่พี่สาวมาอาจารย์ก็ยังไม่ให้กลับ แล้วบอกว่า มีเรื่องกันอยู่จะมาทิ้งกันได้ยังไง ไม่ให้กลับ เดี๋ยวจะพานุกนิกไปพักผ่อน พักสมอง

จากนั้นเขาพาตนไปอยู่ที่รีสอร์ตย่านรังสิตก่อน 1 คืน เช้ามาเขาก็ให้ลูกน้องชื่อบลู ขับรถพาไปส่งที่รีสอร์ตที่หนองคาย ใกล้กับด่านชายแดน แต่ว่าไม่ได้พยายามจะข้ามแดนไปไหน อยู่ที่นั่น 3 วัน โดยที่อาจารย์พยายามประกบตนตลอด ตอนนั้นไม่มีมือถือ ไม่มีเครื่องมือสื่อสารติดตัวสักอย่าง เพราะเขาให้ทิ้งไว้ที่บ้านหมด อาจารย์จะมีมือถือที่ซื้อมาใหม่ติดตัว 1 เครื่อง แต่ไม่ให้ตนติดต่อใครเลย ถามอะไร ขอติดต่อใครก็ไม่ได้สักอย่าง นุกนิกบอกว่า พยายามขอร้องให้พาตนกลับบ้าน เกลี้ยกล่อมให้เขามอบตัว จนสุดท้ายเขาพาเรากลับมา กทม.

โดยแยกกันที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เขาไปไหนไม่รู้ ส่วนตนกลับบ้านที่บางใหญ่ แล้วติดต่อกัน จอมพลัง ให้มาช่วยเหลือทันที ด้านทนายแก้วกล่าวว่า เท่าที่ฟังนุกนิกเล่ามา จะบอกว่าเป็นเหยื่อ ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ถูกข่มขู่ ก็เป็นได้ แต่ต้องไปแจ้งความเอาผิดเขาในความผิดนี้ แต่ถ้ามีการพิสูจน์ว่า นุกนิกมีการไปร่วมกับการกระทำความผิด ไปรู้เรื่องในการหลอกลวงคน ก็อาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะตัวการร่วมได้เช่นกัน ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม บอกว่า เท่าที่ฟังเป็นประโยชน์ต่อคดี หลังจากนี้ก็ให้เข้ามาให้ปากคำ เพื่อจะขยายผลในคดีของอาจารย์อ๊อดต่อไป ส่วนหมายจับตอนนี้ยังไม่มีเกี่ยวกับคนอื่น ยังเป็นแค่ของอาจารย์อ๊อดคนเดียว

ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ