กรณีในโลกโซเซียลได้เผยแพร่คลิ๊ปเหตุการณ์หลังนายแสนภูมิ จินา อายุ 30ปีเศษ พนักงานส่งพัสดุบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสุรินทร์ สุกสาน อายุ 48 ปีผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา หลังใช้อาวุธปืนตบเข้าบริเวณศีรษะชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลแตกเลือดไหล ก่อนจะใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับให้นายแสนภูมิฯที่โดนตบให้ก้มกราบตีนของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ซึ่งชายหนุ่มเกิดความหวาดกลัวจึงยินยอมก้มกราบตีนผู้ใหญ่บ้านไปตามคลิ๊ปที่มีผู้แอบถ่ายไว้ได้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยชายหนุ่มที่โดนตบด้วยอาวุธปืนและถูกขู่บังคับให้กราบตีนหลังเกิดเหตุ จะถูกนำส่ง รพ.ท่าศาลาก่อนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าศาลาในช่วงกลางดึกของวันเดียวกัน เหตุเกิดเมื่อเย็น8พย.2567 ริมถนนสายในหมู่บ้าน ม.3 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราชตามข่าวนั้น

โดยทางนายแสนภูมิ จินา ผู้เสียหายได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่บ้านใน อ.ท่าศาลา โดยพบว่านายแสนยังอยู่ในสภาพอิดโรยและหวาดผวา นั่งพักผ่อนในบ้านพักและมีผ้าก๊อตปิดแผลที่ศีรษะจำนวน 2แผล ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนมีอาชีพรับส่งพัสดุสินค้าให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าศาลา โดยสาเหตุที่ตนถูกผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวใช้ปืนตบหัวและบังคับกราบเท้าตามคลิ๊ปนั้นเนื่องจากผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวไม่พอใจตนที่ส่งพัสดุชิ้นหนึ่งให้กับภรรยาของผู้ใหญ่บ้านล่าช้ามาหลายครั้งแล้ว จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมาโดยตลอดซึ่งตนพยายามอธิบายว่าตนทำหน้าที่ส่งพัสดุในพื้นที่หลายรายอาจจะล่าช้าไปบ้างแต่ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวก็ยังไม่พอใจตนมาโดยตลอดจนกระทั่งวันเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวได้ขับรถมาเจอตนอลางถนนในหมู่บ้านจึงขับรถปาดหน้าและต่อว่าตนก่อนใช้ปืนตบหัวตนจนแตกเลือดอาบแล้วยังบังคับตนกราบเท้า ทำให้ตนเกิดความกลัวจึงยอมกราบเท้าแล้วแยกย้ายกันไป จากนั้นตนจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.ท่าศาลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวในข้อหาทำร้ายร่างกายต่อไป ซึ่งหากทางผู้ใหญ่บ้านมาพบพูดคุยขอโทษตนก็พร้อมเพราะไม่อยากมีเรื่องหมางใจกับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวอีกต่อไป แต่ตอนนี้ก็ขอให้ตำรวจดำเนินคดีผู้ใหญ่คนดังกล่าวไปก่อน นายแสนภูมิ กล่าวในที่สุด

ล่าสุดวันนี้(11พย.)ที่สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นายสุรินทร์  สุกสาน อายุ 48ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่าศาลา ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.วัชรินทร์ คงเพ็ชร สว.(สอบสวน)สภ.ท่าศาลา เจ้าของคดี โดยเบื้องต้นได้ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุใช้ปืนตบหัวนายแสนภูมิฯจริง

โดยนายสุรินทร์ ได้เล่าเหตุการณ์ข้อเท็จจริงให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 4พย.ที่ผ่านมา นายแสนภูมิ ซึ่งเป็นพนักงานส่งพัสดุของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้โทรศัพท์ส่งสินค้าให้กับภรรยาของตนที่บ้านพัก แต่ปรากฏว่าเมื่อภรรยากลับถึงบ้านก็ไม่ได้รับพัสดุแม้จะโอนเงินค่าสินค้าไปแล้วก็ตามจึงโทรศัพท์ตามตัวนายแสนภูมิ จนสร้างความไม่พอใจให้กับนายแสนภูมิ

และคืนนั้นขณะที่ตนไปช่วยงานศพของพ่อตายนายแสนภูมิฯ นายแสนภูมิเดินเข้ามาในงานศพพูดตะโกนเสียงโหวกเหวกว่าไม่กลัวหรอกถึงแม้จะเป็นเมียผู้ใหญ่บ้านก็ตาม ซึ่งเมื่อตนได้ยินดังนั้นตนก็สอบถามมีเรื่องอะไรกันเหรอ แต่ปรากฏว่ากลับถูกนายแสนภูมิ ด่าบุพการีของตนสั่นงาน ตนจึงยืนลุกขึ้นจากโต๊ะ ทำให้คนในงานและญาติเดินเข้ามามัดห้ามตน ส่วนนายแสนภูมิก็วิ่งไปหยิบเก้าอี้ในงานศพจะมาฟาดตีตน และยังด่าบุพการีของตนดังลั่นงาน แต่ก็มีคนในงานและญาติมาแยกตนและนายแสนภูมิแยกย้ายออกจากกัน ก่อนที่ตนจะเดินทางกลับบ้าน

รุ่งเช้าตนก็ไปช่วยงานศพพ่อตาของนายแสนภูมิอีกครั้งก็ยังถูกนายแสนภูมิส่งเสียงเอะอะโวยวายและด่าบุพการีตนอีก แต่ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง เสร็จงานตนก็เดินทางกลับบ้านพักตามปกติและเดินทางไปร้องเรียนพฤติกรรมของนายแสนภูมิกับผู้จัดการบริษัทส่งพัสดุบริษัทดังกล่าว ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจที่ตนไปร้องเรียนบริษัทส่งพัสดุที่นายแสนภูมิทำงานอยู่

จนกระทั่งใกล้ค่ำวันที่ 8พย.ขณะตนกำลังขับรถยนต์ในหมู่บ้านได้พบกับนายแสนภูมิฯขี่รถจยย.อยู่ด้านหน้าตนมีลักษณะขับรถส่ายไปมาในลักษณะก่อกวน ตนเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตนได้ เพราะที่ผ่านมานายแสนภูมิเคยถูกร้องเรียนยิงปืนในหมู่บ้านเป็นประจำ จึงขับรถปาดหน้ารถจยย.ของนายแสนภูมิและสอบถามมีปัญหาอะไรมัย แต่กลับถูกนายแสนภูมิด่าบุพการีตนอีก ทำให้ตนฟิวส์ขาดสุดทนที่ถูก่าบุพการีมาหลายครั้ง จึงกระชากคอเสื้อนายแสนภูมิ และชกต่อยนายแสนภูมิไป2-3ครั้งและนายแสนภูมิก็ชกสวนตนมาด้วย

จากนั้นตนได้เปิดประตูลงจากรถดึงอาวุธปืน.38ที่พกที่เอวด้านหน้า โดยดึงมาพร้อมซองพกปืนสีดำ ไม่ได้ดึงปืนออกจากซองก่อนใช้ปืนที่อยู่ในซองพกสีดำฟาดตีศีรษะนายแสนภูมิไปจำนวน 2-3ครั้งจนได้รับบาดเจ็บเลือดอาบ

จากนั้นนายแสนภูมิได้ยกมือไหวขอโทษตนและก้มลงกราบเท้าตนเองโดยไม่ได้มีการบังคับให้กราบตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด แต่นายแสนภูมิก้มลงกราบเองซึ่งตนก็นึกไม่ถึงว่านายแสนภูมิจะก้มกราบตน ทำให้ตนตกใจและรีบใช้มือตบไหล่ให้ลุกขึ้น เมื่อขอโทษกันก็เลิกแยกย้ายกันไปไม่มีอะไร จนกระทั่งทราบว่านายแสนภูมิ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจพร้อมคลิ๊ปเหตุการร์ก้มกราบดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนที่ก่อเหตุเป็นอาวุธปืน.38 ของพรรคพวกคนหนึ่งที่ตนซื้อมาแต่ยังไม่ได้มีการโอนอยู่ระหว่างการดำเนินการการโอนมาเป็นของตน นายสุรินทร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานขณะที่นายสุรินทร์ เดินทางมามอบตัวกับตำรวจ ได้มีญาติพี่น้องและนางจำเนียร ดิษฐรักษ์ อายุ 65ปีแม่ยายของนายแสนภูมิฯผู้บาดเจ็บเดินทางมาให้กำลังใจนายสุรินทร์ ผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ด้วย โดยนางจำเนียร ได้เล่าเหตุการณ์คืนเกิดเหตุในงานศพของพ่อตาของนายแสนภูมิฯ พบว่านายแสนภูมิลูกเขยไปด่าบุพการีนายสุรินทร์ฯผู้ใหญ่บ้านก่อน จนเกือบจะปะทะกันและลูกเขยจะคว้าอีกไปฟาดผู้ใหญ่บ้านสุรินทร์ในงานศพแต่มีคนห้ามไว้ทัน จนกระทั่งมาเกิดเหตุตามคลิ๊ปในภายหลังดังกล่าว นางจำเนียร กล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่สุด

ด้านคดีของตำรวจทาง พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.ท่าศาลา เผยว่า ทางตำรวจได้แจ้งข้อหานายสุรินทร์ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส,ข้อหาบังคับข่มขืนจิตใจผู้อื่นฯและข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งเบื้องต้นนายสุรินทร์ให้การรับสารภาพเพียงข้อหาทำร้ายร่างกายและข้อหา พ.ร.บ.อาวุธ ฯ ส่วนข้อหาบังคับข่มขืนจิตใจผู้อื่นให้การปฏิเสธ ซึ่งได้ดำเนินคดีตามกม.ต่อไป

ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช รายงาน