สกัดจับเครือข่ายยาเสพติดที่กำลังลำเลียงจากชายแดน เข้ามามายังประเทศ สามารถยึดยาบ้าได้กว่า 5.5 ล้านเม็ด
วันนี้ 11 พ.ย. 67 พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รักษาราชการแทนผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 1 นำทีมเจ่าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงการจับกุม เครือข่ายยาเสพติด บังซุบ บึ่งกุม ซึ่งเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารชุดจับกุม ได้สืบสวนขยายผล จากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญและทีมลำเลียงยาเสพติด จนทราบว่านายภูษิต หรือบังซุบ ที่อยู่ในพื้นที่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร มีพฤติการณ์ในเป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากมาส่งมอบ ให้กับผู้รับในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย ซึ่งจะใช้รถยนต์กระบะ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ทำการสืบวน มาซักระยะหนึ่งจนทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่
จนกระทั่งในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 นายภูษิตได้ใช้รถยนต์ของกลางเดินทางไปลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อเข้ามามายังในพื้นที่ภาคกลาง โดยได้ใช้เส้นทางหมายเลข 2089 มวกเหล็ก-ลำนารายณ์ ซึ่งมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดสระบุรี โดยเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังกระจายตามเส้นทางเพื่อคอยจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะตามที่แจ้งในเบาะแส ขับผ่านมาถึงบริเวณถนนสุดบรรทัด ม.9 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จึงได้นำกำลังเข้าสกัดรถยนต์คันดังกล่าวและแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบ
จากการเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหา พบผู้ต้องหาที่กระทำผิด 1 ราย คือนายภูษิตหรือบังซุบ อายุ 47 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์กระบะลำเลียงยาเสพติด พร้อมด้วยของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ที่บรรจุอยู่ในกระสอบ 12 กระสอบ รวมยาบ้าจำนวนประมาณ 5,520,000 เม็ด ซุกซ่อนภายในห้องโดยสารของรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายภูษิต หรือ บังซุบ ให้การสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยมีค่าจ้างในการลำเลียง 30,000 บาทต่อครั้ง โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการพิสูจน์ความผิดต่อไป ขณะเดียวกันได้แจ้งข้อกล่าวหา ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
นอกจากนี้ รักษาราชการแทนผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 1 ยังระบุอีกว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการปราบปรามสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ ที่อาจจะส่งผลกระทบไปยังประชาชนเป็นจำนวน และหากว่าของกลางซึ่งเป็นยาเสพติดที่ยึดได้ในครั้งนี้ ถูกนำออกไปขายสู่ท้องตลาด จะมีมูลค่าสูงถึงกว่า 167 ล้านบาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะมีการขยายผลไปถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ รวมถึงบุคคลอื่นๆในเครือข่ายยาเสพติด เพื่อจะดำเนินการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดมาตรวจสอบ และดำเนินคดีการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สินต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน