อดีตภรรยา ยื่นฟ้อง นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ร้านอาหารครัวคุณนิด เขตเทศบาลนครอุดรธานี น.ส.นิภารัตน์ สหเจริญพานิชย์ หรือ น.ส.เฌอลินญ์ อภินาราเกษมสิทธิ์ อายุ 31 ปี หรือนินิว นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาว จ.หนองคาย อดีตภรรยานักร้อง และนักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดัง “เพชร สหรัตน์” พร้อมด้วยนายธีรศักดิ์ ทองทรวง ทนายความ และนายภานุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ร่วมแถลงข่าว กรณี น.ส.นินิว อ้างว่าถูกอดีตสามีปลอมลายเซ็นให้ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อให้พี่ชายสร้างโรงงานน้ำปลาร้า วงเงิน 80 ล้านบาท จำนวน 4 สัญญา ในวันที่ทั้งสองจดทะเบียนหย่ากัน
โดยฝ่าย น.ส.นินิว ไม่เคยรู้มาก่อน ภายหลังธนาคารส่งหนังสือทวงเงินเนื่องจากผิดนัดจ่ายเงินกู้ ทำให้อดีตภรรยารู้ว่าถูกปลอมลายเซ็นและนำเอกสารทางราชการไปใช้ค้ำประกันเงินกู้ เมื่อติดต่อสอบถามผู้จัดการส่วนตัวกลับนิ่งเฉย จึงได้ติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคาร ก่อนจะทำหนังสือถอดชื่อจากการค้ำประกันได้ ก่อนจะให้บริษัทของดาวตลกชื่อดังและบริษัทของอดีตสามีเข้ามาค้ำประกันให้แทน
อย่างไรก็ตามความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว โดย น.ส.นินิว ไม่สามารถกู้เงินจากแบงก์เพื่อขยายกิจการ และกู้เงินมาหมุนเวียนธุรกิจได้ และฝ่ายผู้ก่อเหตุกลับไม่ยอมเยียวยา จึงให้ทนายฟ้องค่าเสียหาย 20 ล้านบาท และดำเนินคดีอาญากับอดีตสามีนักร้องกับพวกฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม “…บทเรียนครั้งนี้แพงมาก ธนาคารมีการแจ้งว่า จะมีการฟ้องนิวด้วย เพราะแจ้งชื่อธนาคารทำให้ธนาคารเสื่อมเสียชื่อเสียง อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ตอนที่รักกันก็เกิดจากความเชื่อใจ ความไว้ใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปกันไม่ได้แล้ว นิวอยากให้ผู้หญิงมีสติ และอยากให้รักตัวเองมากๆ เพราะวันที่ไม่ได้รักกัน ตัวเราเองจะถูกทำร้าย ตอนนี้มีความกังวล และสภาพจิตใจแย่มาก ๆ…” น.ส.นินิว กล่าว ด้าน นายภานุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ตั้งข้อสงสัยสิ่งผิดปกติว่า
เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คุณนินิว เคยมีการร้องสื่อ เมื่อเจ้าหน้าที่แบงก์รู้ว่าคุณนินิวมาร้องสื่อ ได้มีเอกสารส่งมา 4 ฉบับ ระบุการปลดภาระหนี้จากผู้ค้ำประกันออกทั้ง 4 วงเงิน จึงเป็นข้อสงสัย 1 โดยปกติการจะเซ็นเงินกู้ในวงเงินเกือบ 100 ล้าน ผู้กู้และผู้ค้ำควรจะต้องเซ็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ซึ่งคุณนินิวยืนยันว่าไม่ได้เซ็นต่อหน้า และเปรียบเทียบลายเซ็นปลอมกับลายเซ็นจริงของคุณนินิวทำธุรกรรมกับแบงก์ ซึ่งมีความแตกต่างกัน
ด้าน นายธีรศักดิ์ ทองทรวง ทนายความ เปิดเผยว่า ได้มีการยื่นฟ้องทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา ที่ จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ส่วนการฟ้องอาญาเรื่องร่วมกันปลอมลายมือชื่อ ปรากฏลายมือชื่อบนสัญญาการค้ำประกันเงินกู้ 4 สัญญา วงเงิน 80 ล้านบาท คุณนินิวยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือตัวเอง ไม่เคยพบเจอกับเจ้าหน้าที่ธนาคารก่อนที่จะมีการทำสัญญา จึงมอบหมายให้ทนายทำการฟ้องจำเลยทั้งหมด 5 คน ที่ร่วมกัน เป็นทั้งบริษัทและบุคคลธรรมดา รวมทั้งอดีตสามีของคุณนินิวด้วย ส่วนคดีแพ่ง ฟ้องทั้งธนาคาร และตัวบุคคลที่มือลายมือชื่อเกี่ยวข้อง ที่ปรากฏตามสัญญา เพราะสัญญาเมื่อมีคนค้ำประกันก็มักจะมีพยาน ลงลายมือชื่อรับรองว่า “ในฐานะคู่สมรส” เท่ากับบุคคลเหล่านี้รู้เห็น ว่าลายมือชื่อที่ปรากฏมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท เหตุที่จำเป็นต้องเรียกค่าเสียหายเพราะว่า คุณนินิวได้รับความเสียหายในการทำธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถจะขยายเงินกู้ได้ เพราะลูกหนี้ผิดสัญญาจ่ายเงินกู้
“หลังจากร้องสื่อไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม และยื่นฟ้องไปเรียบร้อย ปรากฏว่าวันที่ 25 ตุลาคม ได้รับซองจดหมายจากธนาคารโดยส่งทางไปรษณีย์ 4 ฉบับ ในซองเดียวกัน แจ้งปลดภาระค้ำประกันให้ 80 ล้านบาท ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ในขบวนการกู้เงินของธนาคาร วันหนึ่งอยากให้เป็นหนี้ก็ให้เป็น วันหนึ่งอยากจะปลดก็ปลด ซึ่งขบวนการเหล่านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารไม่เคยประสานล่วงหน้ามาเลย ไม่เคยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่า ขบวนการของธนาคารทำอย่างไรบ้าง คุณนินิว จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้ศาลนำคดีมาพิจารณาเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยฟ้องมาตรา 204 ฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม เพราะมีการร่วมมือกันหลายคน ขณะดำเนินคดีก็ยังมีข้อขัดแย้งกันเรื่อยมา และวันนี้ก็ได้ไปยื่นฟ้องผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่ จ.สกลนคร ข้อหาบุกรุก เพราะมีการเข้ามาคุกคามในพื้นที่ของคุณนินิว และฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมที่ไม่ได้แสดงเจตนารมณ์โดยสมัครใจของคุณนินิวและไม่ได้มอบอำนาจให้ใครเซ็นด้วย ศาลจะพิจารณาในวันที่ 23 มกราคม ปีหน้า” ทนายความ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า หากมีรายการติดต่อให้ไปออกรายการทางทีวี พร้อมกับอดีตสามี เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมจะไปหรือไม่ น.ส.นินิว ตอบอย่างมั่นใจว่า กล้าและพร้อมไปออกทุกรายการ