จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม นายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพรกรมป่าไม้ เปิดเผยว่าเนื่องจากมีการทำหนังสือการร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)ปลัดทส.และอธิบดีกรมป่าไม้ ว่ามีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติทางทีมเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพร จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการตรวจสอบพบว่าแปลงที่ดินดังกล่าว มีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งานอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูพาน หมู่2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยบริเวณโดยรอบอยู่ระหว่างการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้านตามนโยบายคทช.ซึ่งใกล้จะดำเนินเสร็จแล้ว พื้นที่ที่มีการร้องเรียนมีการถือครองโดยบุคคลที่1 ต่อจากบิดา แต่ปัจจุบันพบว่ามีนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ มาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งมีการปลูกหวาย กล้วยน้ำว้า ข้าวเหนียว ทุเรียนไม่ทราบชนิดพันธุ์ เพราะแจ้งว่ามีแฟนคลับส่งมาให้ปลูก ขณะที่ผู้ครอบครองเดิมอ้างว่าไม่มีแรงที่จะทำกิน

จึงให้นางสาวิตรี ทำประโยชน์ในพื้นที่ต่อ แต่เนื่องจากการพิจารณาตามข้อกฎหมายเข้าข่ายผิดกฎหมายคือเข้าไปทำประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีไปที่สภ.กกตูม เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย.67 เวลา 08.36 น. แม่น้องชมพู่และทนายสมเกียรติ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฯและให้ปากคำที่สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร วันนี้แม่น้องชมพู่ใส่เสื้อแขนยาวสีชมพู กางเกงขายาวสีดำ สีหน้าเรียบเฉย ทันทีที่ทั้งสองคนเดินลงจากรถได้นั่งพักอยู่ที่ม้าหินอ่อนภายในบริเวณสถ.กกตูม เพื่อพูดคุยและปรึกษากับทนาย ก่อนที่จะเดินขึ้นด้านข้างอาคารสภ.กกตูม เพื่อเข้าพบร.ต.อ.อดิศักดิ์ ศรีจันทร์ดา พนักงานสอบสวนทันที

โดยมิได้พูดอะไร ซึ่งในวันนี้ยังมีแฟนคลับเดินทางมาให้กำลังใจแม่น้องชมพู่ ซึ่งหลังจากที่แม่น้องชมพู่ เดินเข้าไปพบพนักงานสอบสวนภายในห้องสอบสวนแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดประตูห้องและห้ามบันทึกภาพ หลังจากที่แม่น้องชมพู่ให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงได้เดินลงมาจากห้องสอบสวนและได้มอบหมายให้ทนายเป็นผู้ให้สัมภาษณ์ โดยทนาย เล่าว่าหลังจากที่เข้าพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะยื่นพยานหลักฐานสอบปากคำพยานในการต่อสู้คดี โดยป่าไม้แจ้งข้อกล่าวหาว่าแม่น้องชมพู่เข้าไปทำประโยนช์โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีข้อกล่าวหาว่าแผ่วถางป่า

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดมุกดาหาร