เมื่อเวลา 02.20 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2567 พ.ต.ต.รัฏฐพงศ์ ศรีนอก สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 12/652 หมู่ 4 ซอยอู่ทอง 18 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางปู จำนวน 3 คัน รถ บลข มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพเทศบาลนครสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน พบเพลิงกำลังลุกไหม้ทั้งหลังอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รีบระดมฉีดน้ำอยู่นานเกือบชั่วโมงเพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบพบว่าภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมดโดยเฉพาะชั้น 2 ที่เป็นไม้ ส่วนเจ้าของบ้าน ทราบชื่อ นางชลอ ไถ่สกุล อายุ 71 ปี ซึ่งมีปัญหาทางการได้ยิน (หูหนวก) นั่งอยู่ที่หน้าบ้านของชาวบ้านไม่ได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบถาม นางชลอ เจ้าของบ้าน เล่าว่า ตนอยู่บ้านนี้คนเดียว ขณะนั้นตนนอนหลับอยู่ที่ชั้นบน (ชั้น 2) ได้กลิ่นควัน จึงลงมาดูข้างล่าง ก็มีควันลอยเต็มเลย ตนจึงปีนออกหน้าต่างข้างบ้าน ก่อนจะรีบวิ่งมาออกทางหน้าบ้าน ก็เห็นไฟลามไปทั่วหน้าบ้าน และเข้าไปในบ้านแล้วก่อนจะลุกลามขึ้นไปข้างบน ตกใจ ตนเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้อย่างเดียว ปลั๊กอื่นไม่ได้เสียบถอดออกหมดเลย บ้านตนไม่ใช้เตาแก๊ส ใช้เตาถ่านแต่ว่าอยู่นอกบ้านไม่ได้อยู่ในบ้าน ก่อนที่จะเกิดไฟไหม้ ก็มีฝนตก ฟ้าร้อง ตนคิดว่าน่าจะเกิดไฟช็อตจากฟ้าผ่า

น.ส.ฐานิดา นกศิริ อายุ 29 ปี ข้างบ้าน เล่าว่า ที่บ้านเลี้ยงหมาพันธ์ผสมพิทบูล อยู่ทั้งหมด 7 ตัว ตนได้ยินเสียงน้องขาหมูเริ่มเห่าก่อนที่ตัวอื่นจะเริ่มเห่าตาม พวกตนก็เลยพากันออกมาดูก็เห็นว่าไฟไหม้บ้านข้าง ๆ ตนเห็นไหม้ด้านนอกก่อนก็พากันช่วยนำน้ำมาดับแต่ก็ลามไปไหม้บนบ้าน หมาตนเห่าหนักมาก ปกติบ้านหลังนี้พักอาศัยอยู่ 1 คน เป็นใบ้หูหนวก สื่อสารกันพอรู้เรื่อง แต่ก่อนที่จะเกิดไฟไหม้มีฟ้าร้องดังมาก แต่ตนว่าไม่น่าจะใช่ฟ้าผ่า เพราะตนเห็นไฟเริ่มไหม้จากบริเวณหน้าบ้านเขา

นายอรุณ อัตถวรคุณ อายุ 56 ปี บ้านตรงข้าม เล่าว่า ตนตื่นมาเห็นไฟมันลุกไหม้หมดแล้วได้ยินเสียงปุกปักๆ เหมือนไฟลามทั่วบ้านหมดแล้วตอนตื่นมา มีฝนตกแต่ไม่ได้มีเสียงฟ้าผ่า ตอนไฟลุกฝนก็ตกบางๆแล้วไม่ได้ตกหนัก บ้านหลังนี้อยู่คนเดียวไม่ได้แต่งงานไม่มีครอบครัว หูแกไม่ค่อยได้ยินต้องตะโกนดังๆแกถึงจะได้ยิน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสมุทรปราการ รายงาน