หนุ่มรอไม่ไหวแล้ว เข้าร้องเพจสายไหม หลังพ่อถูกตร.หญิงชนเสียขีวิต ผ่านไป 2 เดือนคดีไม่คืบ
วันนี้ (27 ตุลาคม 2567) นายภูริวิทย์ จงนิรักษ์ อายุ 37 ปี และ นาย บัณฑิต จงนิรักษ์ อายุ 33 ปี ลูกชายของนาย สมควร จงนิรักษ์ อายุ 73 ปี นำหลักฐานเอกสารมาร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าพ่อตนเองถูกตำรวจยศ ร้อยตำรวจเอก หญิง (สารวัตรสอบสวน) สน.แห่งหนึ่งในพื้นที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ขับรถยนต์ส่วนตัว ชนพ่อที่ขับรถจักรยานยนต์ จนเสียชีวิตที่บริเวณ ถนนราษฎร์อุทิศ ก่อนถึงจุดกลับรถหน้าปากซอยราษฎร์อุทิศ 27 เขตมีนบุรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 09.40 น.
โดยนายภูริวิทย์ เล่าให้ฟังว่า พ่อขี่รถจักรยานยนต์มาในถนนเลนกลาง (เลนสอง) โดยมีรถของผู้ก่อเหตุ (รถส่วนตัว) ขับตามมาในเลนขวา (เลนสาม) ใกล้กับเกาะกลางถนน แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเลนของผู้ก่อเหตุมีเส้นจราจรบังคับให้เบี่ยงซ้าย ซึ่งรถของคุณพ่อขับตรงไปเพื่อจะไปกลับรถยังจุดกลับรถ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร แต่กลับถูกรถคู่กรณีเฉี่ยวชน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุและรถของพ่อเสียหลักล้มจนเสียชีวิต
ตนเองตั้งข้อสังเกตุ ว่าพ่อขับมาเลน 2 และคู่กรณีมาเลน 3 แต่คู่กรณีบอกว่า พ่อขับเบี่ยงมาเลน 3 จนไปชนกับรถของคู่กรณี ซึ่งตนมองว่า พ่อจะขับเข้าเลนส์สามทำไมในเมื่อข้างหน้าจะต้องเบี่ยงออกเลนส์ 2 และ ตั้งแต่เกิดเรื่องตนไม่เคยเจอคู่กรณีเลยจนกระทั่งเมื่อ สัปดาห์ที่แล้วโดยคู่กรณีบอกว่าวันเกิดเหตุจะแซงพ่อเข้าไปยังเลน 2 ซึ่งตนก็พูดกับไปว่าหากจะแซงทำไมถึงไม่รอให้รถจักรยานยนต์นำไปก่อนหรือทำไมไม่เบรคแต่ทำไมถึงเบี่ยงออกมา โดยตำรวจได้บอกกับตนว่าพ่อเป็นคนผิดที่เบี่ยงเข้าไปในเลน 3 และรถจักรยานยนต์และตัวของผู้เสียชีวิตล้มลงมาในเลน 3 จึงมองว่าเป็นคนผิด
ส่วนกล้องวงจรปิด จับภาพได้เพียงจังหวะพ่อขับรถอยู่เลนสองและคู่กรณีอยู่เลนสามส่วนอีกมุมที่เห็นจุดเกิดเหตุ มีกิ่งไม้บังทำให้ไม่เห็นจังหวะเกิดอุบัติเหตุ ส่วนกล้องหน้ารถของคู่กรณีก็อ้างว่าเป็นรถรุ่นเก่าไม่มีกล้อง ส่วนเมื่อถามร่องรอยการเฉี่ยวชน ลูกชายผู้เสียชีวิตบอกว่ารถจักรยานยนต์ของพ่อมีรอยเฉี่ยวทางด้านขวาตั้งแต่ ที่กันความร้อนท่อรถไอเสีย ที่พักเท้า และแฮนด์ ส่วนลดรถคู่กรณีช่วงประตูฝั่งซ้ายไปถึงซุ้มล้อ
นายภูริวิทย์ บอกว่าตนกังวลกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากคู่กรณีเป็นตำรวจและเคยทำงานที่สน. ที่เกิดเหตุ เพราะวันที่เจรจาตำรวจยังเรียกคู่กรณีว่าเจ๊ และคู่กรณียังเคยพูดว่าหากในชั้นนี้ไม่พอใจก็ไปคุยต่อในชั้นอัยการ ซึ่งตนเป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้มีความรู้ด้านกฎหมายจึงกังวล นายภูริวิทย์ บอกว่า อยากให้ทางคู่กรณีเห็นใจเพราะ ต้นสูญเสียพ่อแต่คู่กรณีแค่เสีย รถยนต์เสียหาย และยังบอกอีกว่าวันดังกล่าวพ่อออกจากบ้านเพื่อไปซื้อกับข้าวมาให้แม่ทำอาหารเย็นในมือของพ่อขณะเสียชีวิตยังกำใบ รายการอาหารที่ต้องซื้ออยู่เลย ตนรู้สึกเสียสะเทือนใจ
ขณะที่นายเอกภพ บอกว่าจะประสานตำรวจสน. มีนบุรีให้ตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย รวมทั้งยังพูด ว่าตนเคยขับรถจักรยานยนต์และเมื่อดูเส้นทาง ที่เกิดเหตุก็มองว่าผู้เสียชีวิตไม่มีความจำเป็นจะเบี่ยงเข้าเลนส์ที่3 เพราะตรงไปก็ต้องเบี่ยงกลับมายังเลนเดิมแล้วกลับรถ ส่วนเรื่องที่ตำรวจชี้ว่าผู้เสียชีวิตล้มลงไปยังเลน 3 ตนมองว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้เพราะรอยการเฉี่ยวตั้งแต่ที่ครอบกันร้อนท่อไอเสียซึ่ง การเฉี่ยวอาจทำให้รถเสียหลักและล้มไปฝั่งขวาหรือฝั่งซ้ายก็ได้แต่หากเป็นการชนรถและคนจะต้องกระเด็นไปไกลกว่านี้
นอกจากนี้ นายเอกภพ ยังระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่า การถูกเฉี่ยวรถจักรยานยนต์มันมีความเป็นไปได้ที่จะล้มทางซ้ายและขวาถ้ากันชนถูกกระเด็นแต่หากเป็นการเฉี่ยวแล้วตัวผู้กับจักรยานยนต์ก็ต้องขับรถแต่รถอาจจะเสียหลักล้มทางซ้ายหรือขวาก็ได้ และการที่ล้มสายลมขวาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน