ผู้บังคับการแจงแล้ว หลังเพจดังเปิดคลิปแฉ พ.ต.อ. แต่งเครื่องแบบขึ้น เวที ดิไอคอน
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 จากกรณีที่เพจดังเปิดคลิปแฉ “พ.ต.อ.” แต่งเครื่องแบบขึ้น เวที “ดิไอคอน” ลั่นผมให้ใจ 100% กับธุรกิจนี้ โอด สิ่งที่สตช.เอาไปคือเวลา แต่ขึ้นเงินเดือนทีละ 200-400 ป่วยมาลายาก ไม่มีเวลา จึงต้องมาอยู่ในธุรกิจนี้ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.เพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้โพสต์วิดีโอ และข้อความระบุว่า “บอสโปลิศ ชีวิตดี๊ดีที่ The icon เส้นทางความสำเร็จที่สำนักงานตำรวจให้ไม่ได้” โดยภายในคลิป ตำรวจคนดังกล่าว ได้กล่าวบนเวทีว่า“วันนี้ไม่ต้องตกใจ แต่งเครื่องแบบมา ผม 100% ครับกับธุรกิจนี้ ผมพันตำรวจเอก ผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธร ที่ท่านรู้จักผู้กำกับ คือคนนี้ครับ” ตามที่ปรากฏในสื่อต่าง
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายังตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับที่มีนายตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ของจังหวัดสระบุรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทาง ดิไอคอนโดยทางพล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรีได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พ.ต.อ. ที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นคือ พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี(สบ.๗) ซึ่งในขณะนี้ได้เข้าไปรายงานตัวที่กองปราบปราม(กรุงเทพ)พร้อมเผยต่อว่าหลังจากที่สื่อหลายๆสำนักได้มีการเผยแพร่ข่าวออกมาโดยมีการกล่าวถึงรองผุ้บังคับการจังหวัดสระบุรีที่ไปร่วมกิจกรรมของ ดิไอคอน ซึ่งทางตนเองได้เห็นแล้วพร้อมได้นำเรียนต่อ ผบ.ตร.ผู้บังคับบัญชาแล้ว โดยทาง ผบ.ตร.ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีการเชิญตัวทางรองผู้การฯ ไปพบยังสนง.กองปราบปรามแล้ว ส่วนในขั้นตอนการดำเนินการของทางตนเองนั้นตนเองได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงขึ้น
ปรากฏว่าในขณะที่ทาง พ.ต.อ.ได้ไปขึ้นเวทีนี้มีเจตนาอย่างไร หรือทำธุรกิจขายตรงอย่างไร โดยการตรวจสอบจะต้องตรวจสอบในเรื่อง ความผิดที่มันคาบเกี่ยวกับคดีอาญาหรือไม่ หรือการที่ทาง พ.ต.อ.กล่าวถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงาน โดยการตรวจสอบถ้าหากไปพบว่ามีความผิดในส่วนไหนก็จะดำเนินการในส่วนนั้นไปโดยได้ตั้งคณะกรรมการไว้เรียบร้อยแล้ว และให้รายงานผลภายใน 15 วัน
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทราบว่าเกิดขึ้นในระหว่างที่ทาง พ.ต.อ. ปฏิบัติงานเป็น ผู้กำกับสอบสวน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และจะต้องเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนระดับ ตร.ที่จะต้องพิสูจน์กันโดยตนเองไม่สามารถที่จะไปก้าวล่วงตรงนี้ได้ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงก่อน หรือหลังอย่างไร ซึ่งหลังจากมีภาพข่าวออกมาตนเองก็ยังได้พูดคุยกับ รอง.ผบก. ซึ่งท่านก็บอกกับตนเองว่า ที่ทำลงไปนั้นมีเจตนาที่จะทำธุรกิจขายตรง และทำยอดจนได้ไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงนั้น แต่การพิสูจน์ทราบนั้นก็คงจะต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนและการสอบสวนทางกฎหมาย ซึ่งหลังจากการสอบสวนแล้ว เป็นความผิดทางอาญา ก็ต้องดำเนินคดีอาญา ซึ่งการดำเนินคดีอาญาตอนนี้นั้นตนเองอาจจะต้องรายงานผลการสอบสวน ซึ่งคดีอาญาจะมีคณะทำงานของระดับ ตร.เขาทำงานอยู่แล้ว
ส่วนในเรื่องของความผิดทางวินัยนั้น จะมีลำดับชั้นอยู่ว่า วินัยร้ายแรง วินัยธรรมดา วินัยเล็กน้อย ซึ่งทุการกระทำจะมีระดับความผิดเพราะฉะนั้น หลังจากตรวจสอบแล้วธุรกิจแล้ว ตามวินัยที่ตนเองจะต้องดำเนินการก็จะดำเนินการตามหน้าที่ซึ่งจากคำชี้แจงของ พ.ต.อ.นั้นได้แจ้งว่าตนเองประกอบธุรกิจขายตรง ไม่ได้มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่
ผู้สื่อข่าวสยานิวส์ จังหวัดสระบุรี รายงาน