ชาวบ้านสุดทน หอบเอกสาร-คลิปเสียง แจ้งจับเจ้าลัทธิประหลาด สอนเสพกาม อ้างถูกลวงจนหมดตัว
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ที่ สถานีตำรวจภูธรปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ บรรดาลูก ๆ จาก 2 ครอบครัว ที่เชื่อว่า แม่ของตนเองถูกเจ้าลัทธิประหลาดหลอกลวง ทำให้สูญเงินสดกว่า 2 ล้านบาท แถมยังเอาที่ดินไปขายเพื่อนำเงินมาลงทุน ตามความเชื่อที่เจ้าลัทธิแนะนำ จากเดิมที่เคยมีข่าวพระที่สอนการ ดำน้ำเพื่อสมาธิ วัดป่าเนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ที่ใช้พื้นที่ส่วนตัว ตกทอดมาจากคุณแม่ มาตั้งสำนักสงฆ์ แต่ภายหลังถูกเจ้าคณะจังหวัดตั้งอธิกร จับสึก ก็ได้หนีหายไปนานกว่า 2 ปี
ล่าสุด ได้เดินทางกลับมาอ้างตัวเป็นนักบุญ บางวันสวมเสื้อสีรุ้ง บางวันสวมชุดขาว ห่มขาว แต่ที่ยังกระทำอยู่ก็คือ สอนลูกศิษย์ที่หลงเชื่ออยู่ แต่ที่สำคัญคือ สอนลามก อนาจาร ทำเสียงกระเส่า สอนเสพกาม เสียงนั้นคือ นักบุญ กรันยา ซึ่งวันนี้บรรดาลูก ๆ จาก 2 ครอบครัว ได้เดินทางมาเจอกันโดนบังเอิญ ในการนำหลักฐานเข้ามาแจ้งความ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า คดีเช่นนี้น่าจะเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชน แต่ติดที่ผู้ที่เดือดร้อนเท่านั้นที่จะแจ้งความโดยตรงได้ จึงได้บันทึกปากคำ ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแนะนำให้คุณแม่ที่เชื่อว่าถูกหลอก เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เอง
ขณะเดียวกัน พื้นที่ดังกล่าวที่ตั้งสำนักปฏิบัติธรรม เป็นพื้นที่ส่วนตัว ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ได้เลย เนื่องจากเคยมีประสบการณ์คราวก่อน ที่มีผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายข่าว จนเป็นเรื่องต้องเผ่นหนีกัน วันนี้จึงมียามเฝ้าหน้าปากทางเข้า แค่ขี่รถยนต์ผ่าน ที่เป็นรถแปลกๆ ยังร้องตะโกนไล่กันเลย อ้างไม่รับรองความปลอดภัย หากเข้ามาใกล้พื้นที่ส่วนตัวดังกล่าว นั่นจึงทำให้ 2 ครอบครัว ก็หวังฝ่ายปกครองจะไปตรวจสอบ พาแม่ออกมา เพื่อสอบถามความจริง เพราะทั้งเงิน ทั้งที่ดิน ถูกขายไปจะหมดแล้ว
โดย นางสาวกิตติยาพร เสนคราม อายุ 33 ปี ลูกสาวของ นางมาลยาภรณ์ เสนคราม อายุ 56 ปี ที่เชื่อว่า แม่ของตนเองถูกหลอกไว้ให้ทำงานอยู่ภายในสำนักนักบุญดังกล่าว นับตั้งแต่แรกที่เป็นวัดเนื้อนาบุญ มาพร้อมด้วย นายพุฒิเมธ ไพรบึง อายุ 29 ปี เป็นลูกชายของ นางสาว ฐปนัท ไพรบึง อายุ 58 ปี ที่เชื่อว่าถูกหลอกไว้ให้ทำงานอยู่ภายในสำนักเช่นกัน
ทั้ง 2 คน ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกแม่เป็นลูกศิษย์ สำนักสงฆ์ วัดป่าเนื้อนาบุญที่เคยเป็นข่าวยังหลงเชื่ออยู่ ระยะหลังก็หาเงินไปลงทุน ไปกู้เงินบ้าง บอกว่าลงทุน 1,000 บาท ได้เงินคืน 300,000 บาท ได้ทองบ้าง แม่ก็ได้แอบเอาที่นาไปขาย หมดไปล้านกว่าบาท ล่าสุด เอาที่นาไปขายอีกแล้ว 4 ไร่ 1 งาน 55 ตารางว่า มีสัญญาซื้อขาย เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
ซึ่งสถานที่แห่งนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นสำนักสงฆ์และถูกดำเนินคดีไป เป็นข่าวเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนนี้มาเปลี่ยนเป็นลัทธิประหลาด โดยอ้างว่าจะมีการลงทุนเงิน digital และอ้างเบื้องสูง เบื้องสูงจะช่วยให้เข้ามามีส่วนร่วมในลัทธินี้ ซึ่งตนทราบจากเพื่อนบ้านที่จะขายที่นาติดกัน มาบอกว่าที่นาไม่ใช่ชื่อของแม่แล้ว เป็นชื่อของคนอื่น จึงได้ไปสอบที่สำนักงานที่ดิน ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่ได้เป็นชื่อแม่แล้วเช่นกัน เป็นชื่อคนอื่นขายขาดไปแล้ว
วันนี้มาเอาใบบันทึกประจำวัน เพื่อที่จะแจ้งกับสำนักงานที่ดิน อ.ไพรบึง ในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานที่ดินเปิดทำการ เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยยับยั้งการซื้อขายที่ดิน เอาไว้ก่อน เพราะตนเชื่อว่า แม่ถูกหลอกให้ขายที่เพื่อนำเงินไปยกให้เจ้าสำนักไปลงทุน ที่แม่จะเอาไปขายได้จะต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่ก่อน
ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษ รายงาน