พ่อแม่ร้อง ลูกสาวป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ถูกครูบังคับให้ร่วมทำกิจกรรม เต้นจนเป็นลมหมดสติ เพื่อนจะเข้าไปช่วยก็ถูกห้าม สุดท้ายเสียชีวิต ช้ำใจ ผอ.บอกจงภูมิใจน้องพลีชีพเพื่อชาติ

พ่อแม่ร้อง ลูกสาวป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ถูกครูบังคับให้ร่วมทำกิจกรรม เต้นจนเป็นลมหมดสติ เพื่อนจะเข้าไปช่วยก็ถูกห้าม สุดท้ายเสียชีวิต ช้ำใจ ผอ.บอกจงภูมิใจน้องพลีชีพเพื่อชาติ

วันนี้ (10 ต.ค. 2567) ได้มีผู้ปกครองเข้าร้องเรียนกับนายภาณุมาศ จิตรวศินกุล เจ้าของเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย แจ้งว่า น้องโฟ ลูกสาววัย 17 ปี ต้องมาเสียชีวิต เพราะถูกครูที่โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี บังคับให้ไปร่วมกิจกรรมในงานกีฬาคุณทองบุราณเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาของนักเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยรอบคัดเลือก ในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง ๆ ที่ลูกสาวป่วยเป็นโรคพุ่มพวง สุดท้ายเสียชีวิต ขณะไปแสดงเต้นกลางสนามในพิธีปิดกีฬา

โดย น.ส.รุ่ง (นามสมมติ) อายุ 37 ผู้ปกครอง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ลูกสาวมาบอกพ่อกับแม่ว่า ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะประกาศหยุดเรียน เพราะจะมีการจัดแข่งขันกีฬาชื่อคุณทองบุราณเกมส์ ซึ่งจะหยุดประมาณ 2 - 3 อาทิตย์ แต่วันต่อมาลูกสาวมาแจ้งว่า ไม่ได้หยุดแล้ว

ทางครูให้ไปเป็นสต๊าฟช่วยเสริฟ์น้ำเสริฟอาหารและกิจกรรมอื่น ๆ โดยครูจะเลือกนักเรียนที่ป่วยหรือมีโรคประจำตัว ประมาณ 10 กว่าคน ตอนแรกเราก็งง ทำไมครูถึงเลือกเอานักเรียนที่ป่วยไป โดยลูกสาวป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ก็ห่วงลูกสาวเพราะป่วยอยู่แล้ว ก็ถามลูกสาวว่า ไหวไหมลูก น้องก็บอกว่า ไม่ไหวก็ต้องไหวเพราะกลัวไม่ผ่านกิจกรรม

พอมาถึงวันที่ 29 มิ.ย. เป็นพิธีปิดกีฬาฯ ปรากฏว่า จะมีการแสดงเต้นกลางสนาม มีนักเรียนไม่มา ครูจึงได้เรียกสต๊าฟที่เป็นเด็กนักเรียนที่ป่วยทั้งหมดไปเต้นแทน จู่ ๆ ลูกสาวที่เต้นอยู่เกิดล้มฟุบกลางสนาม เพื่อน ๆ เข้าไปช่วย แต่ถูกครูเรียกบอกว่าไม่ต้องเข้าไป ให้เต้นให้เสร็จก่อน ลูกสาวนอนฟุบอยู่นานหลายนาที ก่อนจะมีรถพยาบาลมาช่วยปั๊มหัวใจ สุดท้ายนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ 11 วัน และเสียชีวิตในวันที่ 11 ก.ค. 67

สาเหตุที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตอาจจะเป็นเพราะว่าน้องป่วยโรคประจำตัวอยู่แล้ว และไปเป็นสต๊าฟทำงานหนักเกินไป แถมครูเรียกให้ไปแสดงกลางแจ้ง จนทำให้เป็นลมเสียชีวิตกลางสนาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียใจอย่างมาก เพราะเรามีลูกสาวคนเดียวเป็นความหวัง เป็นความสุขของพ่อแม่ แม้เขาป่วยเป็นโรคพุ่มพวง แต่พ่อและแม่ดูแลอย่างดี พาไปรักษาจะหายแล้ว แต่สุดท้ายต้องมาจากไปแบบนี้

แต่ที่น่าช้ำใจคือ ตอนที่ลูกสาวป่วยนอนรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี มีผอ.สำนักฝ่ายการศึกษาฯ ของเทศบาลฯ มาเยี่ยมบอกว่า พ่อแม่จงภูมิใจที่ลูกสาวพลีชีพเพื่อชาติ เราได้ยินก็ตกใจ แต่ปรากฏว่าผอ.ท่านนี้ไม่ใช่พูดครั้งเดียวมาเยี่ยมลูกสาว 4-5 ครั้งก็พูดแบบนี้ ให้พ่อแม่ภูมิใจลูกสาวพลีชีพเพื่อชาติ ย้ำอยู่แบบนี้ ยอมรับหัวอกคนเป็นพ่อและแม่ไม่คิดว่าคนเป็น ผอ.จะพูดแบบนี้ได้

ถึงตอนนี้จะครบ 100 วันที่ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว เราได้สู้เพื่อลูก แม้เขาจะเสียชีวิตไปแล้ว พ่อแม่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด โดยให้ทนายดำเนินการ เรียกค่าเสียหายที่สูญเสียลูกสาวไป 12 ล้านบาท แต่ทางเทศบาลฯ ชดใช้ให้แล้ว 700,000 บาท คงไม่คุ้มกับพ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกสาวไป เรื่องเยียวยาให้เงินเป็นล้านก็ไม่คุ้มกับการสูญเสียลูกสาว

อยากจะฝากเคสลูกสาวเป็นอุทาหรณ์ถึงโรงเรียนถึงผู้บริหารสถานศึกษาฯ หากเด็กป่วยหรือไม่สบาย คุณครูควรเข้าใจ อย่าให้เด็กไปทำกิจกรรมจนเสียชีวิตแบบนี้ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้จะครบ 100 วันที่ลูกสาวเสียชีวิต ยังไม่มีคำขอโทษจากผู้บริหารโรงเรียน และผู้บริหารเทศบาลนครอุดรธานีแต่อย่างใด

ทางด้าน น.ส.บี อายุ 18 ปี เพื่อนของน้องโฟ บอกว่า วันเกิดเหตุครูได้ให้พวกหนูประมาณ 10 กว่าคน ไปเต้นกลางสนามแทนคนที่ไม่มาในงานกีฬาวันปิดการแข่งขัน ซึ่งทุกคนมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทุกคนก็ไม่อยากไป แต่ครูสั่งก็จำใจต้องไป พอเต้นไปสักพัก ปรากฎว่าโฟล้มฟุบกลางสนามท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด หนูวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนและเรียกคนมาช่วย แต่ครูบอกว่าไม่ต้องไปช่วยให้แสดงเสร็จก่อน เดี๋ยวภาพออกมาไม่สวย สุดท้ายเพื่อนมาเสียชีวิต

ส่วนน้องแม๊ก เพื่อนน้องโฟอีกคน บอกว่า ผมเสียใจมากที่ต้องมาสูญเสียเพื่อนรักไปแบบนี้ ยังรับไม่ได้ แม้จะผ่านมาเกือบ 100 วัน ทุกวันคิดถึงแต่เพื่อน เราทำกิจกรรมร่วมกัน เห็นเพื่อนล้มฟุบต่อหน้าต่อตา แต่ไปช่วยเพื่อนไม่ได้เพราะครูสั่งห้าม วันนี้หากย้อนเวลาได้อยากให้เพื่อนเขากลับมา เสียใจที่ครูให้ไปทำกิจกรรมจนเพื่อนเสียชีวิต เวลาไม่หวนกลับคืนมาได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ