ทลายโกดังเก็บบุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ยึดของกลางจำนวนมาก มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ 9 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้า ภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ถนนรามคำแหง 2 เขตประเวศโดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI การยาสูบแห่งประเทศไทย และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมเข้าตรวจค้นโกดังบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว
สืบเนื่องจากตำรวจ ปคบ. ได้มีการสืบสวนออนไลน์ทราบว่า มีผู้เปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ทั้งในเว็บไซต์ออนไลน์และในเฟซบุ๊คที่มีสมาชิกหลักหลายหมื่นคน โดยจัดส่งทางบริษัทขนส่งเอกชน
เฉลี่ยยอดการจำหน่าย 200-300 กล่องต่อวัน นอกจากนี้ เวลานำสินค้ามาเก็บที่โกดังนี้ ก็จะลักลอบเปลี่ยนรถระหว่างทางเพื่อตบตาจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางแผนเข้าจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างที่ผู้ต้องหากำลังทำการส่งสินค้าให้ผู้ว่าจ้าง
จากการปฎิบัติการครั้งนี้สามารถ จับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายและจัดเก็บบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง
ต่อมาชุดจับกุมได้คุมตัวผู้ต้องหามาตรวจค้นที่โกดังที่ตั้งอยู่ ถนนรามคำแหง 2 ซอย 10 ซึ่งมีการดัดแปลงอพาร์ทเม้นท์ 2 คูหา เป็นโกดังเก็บของพบของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 3 หมื่นชิ้น รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยพบว่าอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่นั้นทำลวดลายสวยงามและทำรสชาติหอมหวาน เพื่อดึงดูดจูงใจแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบทำธุรกิจโกดังบุหรี่ไฟฟ้ามาได้ปีกว่า โดยบุหรี่ไฟฟ้าเหล่านี้สั่งสินค้ามาจากผู้ค้าชาวจีนเพื่อนำมาขายออนไลน์
เบื้องต้นได้มีการส่งตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ บก.ปคบ. โดยตั้งข้อหาขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย คือบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค และข้อหาซ่อนเร้น จำหน่าย ตามความผิดตามกฎหมายศุลกากร
นอกจากนี้ ทางตำรวจ บก.ปคบ. จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายของไปยังต้นตอของบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งเส้นทางการเงิน โดยสินค้าทั้งหมด คาดว่าน่าจะมาจากทางเรือ
หลังจากนี้ยังต้องสืบสวนว่า นิติบุคคลเจ้าของโครงการอาคารพาณิชย์ดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านี้หรือไม่ โดยจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน