รวบแก๊งโจรแสบ ทำทีติดต่อหางานเอนฯ ก่อนหลอกล้วงข้อมูล เหยื่อหลงเชื่อเสียหายรวม 3 แสนบาท

รวบแก๊งโจรแสบ ทำทีติดต่อหางานเอนฯ ก่อนหลอกล้วงข้อมูล เหยื่อหลงเชื่อเสียหายรวม 3 แสนบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.วัตรสัณห์ เนตรหาญ รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.ท.วิทยา สุทธิปัญโญ รอง สว.(ป.)กก.3 บก.ป., ร.ต.ท.สุรศักดิ์ บุญเพ็ง รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.ต.ชโยธรณ์ ทองนาค รอง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.ต.มนตรี โสภัย รอง สว.กก.3 บก.ป., ด.ต.นมสิทธิ์ วาทโยธา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป.,ด.ต.ประกาญ แก้วโพธิ์งาม ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป.,ด.ต.สังเวียน โอรา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ด.ต.พิชิตณรงค์ คำยศ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ด.ต.หัสดี ชิลนาค ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ด.ต.มงคล ชิณภาพ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม

1. นายตั้มฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดของแก่น ที่ 676/2567 ลงวันที่ 24 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง สถานที่จับกุม ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

2. นายสาริน หรือนายนัด 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดของแก่น ที่ 688/2567 ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง สถานที่จับกุม ม.4 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ได้การรับประสานจากทางผู้เสียหาย ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มหางานของเด็กเอนฯ หลอกลวงทำทีเป็นติดต่อให้ไปทำงาน ก่อนจะหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว และรหัส OTP ในการถอนเงินไป ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 3 แสนบาท จากการสืบสวนทราบว่า ผู้จัดการของผู้เสียหายซึ่งทำงานเป็นเด็กเอนเตอร์เทน ได้เข้าไปในกลุ่มไลน์ Open Chat ซึ่งเป็นกลุ่มหางานเอนเตอร์เทนตามสถานที่ต่างๆ โดยในกลุ่มดังกล่าวจะมีโมเดลลิ่ง และผู้จัดการ โพสต์แจ้งงานที่ลูกค้าต้องการจ้างมาในกลุ่ม

ต่อมา ได้มีไลน์ซึ่งใช้ชื่อว่า นาราปีกไม้ โพสต์ประกาศหางานต้องการเด็กเอนฯ ไปที่ร้าน Route 66 ทางผู้จัดการของผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ โดยผู้โพสต์แจ้งว่าตนเองชื่อ นาตารี เป็นผู้จัดหาเด็กเอนฯ ไปทำงานที่ร้าน Route 66 หากต้องการจะรับงานเอนฯ ดังกล่าว ให้ทางผู้จัดการติดต่อแอดไลน์ไปคุย นายวิน ซึ่ง นาตารี อ้างว่าเป็นเจ้าของร้าน จากนั้นทางผู้จัดการของผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยเพื่อตกลงรับงานเอนฯ กับ นายวิน โดยตรง ซึ่งทางผู้เสียหายไม่ได้ตกลงรับงานดังกล่าวเเต่อย่างใด แต่หลังจากนั้น นายวิน ยังคงติดต่อมาพูดคุยกับผู้เสียหายในลักษณะเชิงชู้สาวอยู่เรื่อยมา โดยอ้างว่าจะรับดูแลผู้เสียหาย จนผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ

จากนั้น นายวิน จึงได้ออกอุบายว่าจะต้องเอาเงินออกจากเช็คอิเล็กทรอนิกส์ โดยการออกเช็คดังกล่าวจะต้องใช้รหัสของผู้เสียหายในการร่วมถอนเงินออกมาด้วย จากนั้นนายวิน ได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน โดยให้เข้าระบบการถอนเงินโดยไม่ใช้บัตร และหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลและส่งรหัส OTP มาให้แก่นายวิน โดยภายหลังจากที่ผู้เสียหายส่งรหัส OTP ไปแล้ว พบว่าเงินในบัญชีของตนเองจำนวน 8,900 บาท หายไป ผู้เสียหายจึงได้รีบสอบถามกลับไปยังนายวิน โดยนายวิน อ้างว่า จะมีเงินเข้ามาคืนผู้เสียหายเป็นจำนวน 2 เท่า ให้ผู้เสียหายดำเนินการตามที่นายวินบอกอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นนายวิน ก็ได้ทำการหลอกให้ผู้เสียหายส่ง OTP อีกจำนวน 5-6 ครั้ง จนทำให้ผู้เสียหายสูญเงินจากบัญชีไปเป็นจำนวนกว่า 160,000 บาท

เมื่อผู้เสียหายตั้งสติได้ ผู้เสียหายจึงเเจ้งเรื่องราวดังกล่าวให้กับทางผู้จัดการของตนเองทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อผู้จัดการทราบเรื่องดังกล่าว ทางผู้จัดการจึงเกิดความรู้สึกผิด โทษว่าตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ผู้เสียหายต้องมาเจอกับเรื่องดังกล่าว ผู้จัดการจึงได้เข้าไปคุยเจรจากับบุคคลที่ชื่อ นาตารี เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้เสียหาย แต่หลังจากที่ติดต่อไปหาบุคคลที่ชื่อ นาตารี ได้แล้ว ทางผู้จัดการก็ได้ถูก นาตารี หลอกลวงให้ติดต่อไปพูดคุยกับนายวิน ซึ่งนายวิน ก็ได้ใช้รูปแบบการหลอกลวงเดียวกันกับที่หลอกผู้เสียหายมาหลอกผู้จัดการซ้ำอีก ทำให้ผู้จัดการสูญเงินไปกว่า 130,000 บาท ภายหลังเมื่อผู้เสียหายทั้งสองไม่สามารถติดต่อกับ นาตารี และนายวินได้ ผู้เสียหายทั้ง 2 จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี สภ.เมืองขอนแก่น

พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า เงินของผู้เสียหายทั้ง สองรายถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีธนาคารของนายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีเงินเข้าออกบัญชีของนายตั้มฯ วันละ 10,000 - 20,000 บาท และยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนหลายล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้ โดยจากการสืบสวนขยายผลทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าขบวนการดังกล่าว จะมีนายนัด (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นผู้สั่งการ โดยจะสั่งการให้นายตั้ม (ผู้ต้องหาที่ 1) ไปกดเงินหลังจากที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา และจากการตรวจสอบประวัติของนายนัด (ผู้ต้องหาที่ 2) ยังพบว่าเคยก่อเหตุหลอกเอา OTP ของผู้เสียหายในพื้นที่ สภ.บางศรีเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2566

เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จึงนำกำลังลงพื้นที่ จ.นครปฐม เข้าทำการตรวจค้นจับกุม นายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ที่บ้านพัก ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมโทรศัพท์มือถือและเสื้อผ้าที่ใส่ไปกดเงินจากตู้ ATM จากการสอบถามนายตั้มฯ ให้การรับสารภาพว่านายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นคนสั่งการให้ตนไปกดเงิน โดยได้รับค่าจ้าง 500 - 1,000 บาท ต่อครั้ง

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เร่งติดตามตัวนายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) โดยสามารถจับกุม นายนัดฯ ได้ที่บ้านพัก ม.4 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง โดยภายหลังจากการจับกุม นายนัดฯ ให้การรับสารภาพ ว่าได้ตนเองได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยใช้โทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่อง ในการปลอมไลน์เป็นบุคคลที่ชื่อว่า นาตารี และ นายวิน

โดยตนจะเริ่มจากการโพสต์ประกาศหางานลงกลุ่มไลน์ เลือกเฉพาะกลุ่มที่เป็นเด็กเอนฯ หากมีเหยื่อหลงเชื่อ ตนเองจะใช้ไลน์ที่ชื่อ นาตารี ในการติดต่อคุยงานก่อน โดยจะปลอมแปลงเสียงให้เป็นน้ำเสียงของเป็นสาวประเภทสองเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อติดต่อไปพูดคุยกับนายวิน หลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อว่าจะรับเลี้ยงดูเเล ก่อนจะหลอกเอาข้อมูลเเละรหัส OTP ของเหยื่อไปกดเงิน

นอกจากนี้ นายนัดฯ ยังให้การเพิ่มเติมอีกว่า ตนเองรู้จักกับนายตั้มฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยเห็นนายตั้มฯ ขับรถส่งของและตนเองใช้บริการส่งของด้วยเป็นประจำ ตนเองจึงได้ใช้ให้นายตั้มฯ เอาเงินสดไปฝากเข้าบัญชี และทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการกดเงินออกจากตู้ ATM ด้วย โดยเงินที่ตนเองหลอกผู้เสียหายมาได้นั้น นายนัดฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ได้เอาไปเล่นพนันบอล

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ