กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ หอมหวล ผกก.๑ บก.ปอศ., พ.ต.ท.ชัยพร เฮงจิตตระกูล รอง ผกก.๑ บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.โสภณัฐ กลัดเกษา สว.กก.๑ บก.ปอศ., ร.ต.อ.วีระศักดิ์ ชัยอินทร์ รอง สว.กก.๑ บก.ปอศ., จ.ส.ต.ธนวรรธน์ ขุนทำนาย และ ส.ต.อ.ณัฐพงค์ หยู้ตุ้ง ผบ.หมู่ กก.๑ บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม นายอนุชาฯ อายุ ๒๙ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ ๔๖๐๔/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฟอกเงิน”

สถานที่จับกุม ตำบลวังจันทร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยมิจฉาชีพส่วนใหญ่มักจะใช้กลลวงหว่านล้อมทำให้เหยื่อหลงเชื่อ ก่อนจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบัญชีที่เกี่ยวข้องการกระทำความผิด มักจะเป็น “บัญชีม้า” ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพจะประกาศรับซื้อบัญชีม้ามาจากบุคคลที่มีปัญหาด้านการเงิน โดยจะรับซื้อกันผ่านทางกลุ่มเฟซบุ๊กในราคาหลักร้อยถึงหลักพัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบบุคคลตามหมายจับที่ได้กระทำความผิดในลักษณะนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยจากการตรวจสอบพบว่านายอนุชาฯ อายุ 29 ปี เป็นบุคคลตามหมายจับซึ่งเกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยนายอนุชาฯ ได้เปิดบัญชีให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อนำไปใช้ก่อเหตุในรับเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของนายอนุชาฯ มีเงินหมุนเวียนกว่า 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ปอศ. จึงทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายอนุชาฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ตนเองเจอกลุ่มรับซื้อบัญชีธนาคารผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นจึงทำการติดต่อไปยังผู้รับซื้อบัญชี โดยผู้รับซื้อบัญชีได้สอนวิธีให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารผ่านออนไลน์ ซึ่งเมื่อตนเองเปิดบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว ผู้รับซื้อจึงได้ขอรหัสผ่านและนำบัญชีไปใช้ โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนเองได้รับค่าจ้างจำนวน 400 บาท

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน