สอศ. เปิดหลักสูตรดนตรีและเทคโนโลยี โอกาสใหม่ในการศึกษาสายอาชีพ

สอศ. เปิดหลักสูตรดนตรีและเทคโนโลยี โอกาสใหม่ในการศึกษาสายอาชีพ

ในยุคที่เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การศึกษาสายอาชีพในประเทศไทยกำลังก้าวไกลไปอีกขั้น ด้วยการเปิดหลักสูตรที่ผสมผสานระหว่างศิลปะดนตรีและเทคโนโลยีสมัยใหม่ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ “การผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพื่อการพัฒนาประเทศ” ได้กำหนดนโยบายหลัก “ยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา (Quality)” โดยมีเป้าหมาย คือ คุณภาพของผู้เรียนอาชีวศึกษาเป็นสำคัญ ภายใต้การขับเคลื่อนศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) ได้ริเริ่มโครงการพิเศษในสาขาวิชาดนตรีและเทคโนโลยี ที่กำลังสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการการศึกษาและอุตสาหกรรมบันเทิงของไทย

หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะทางดนตรีเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นในวงการดนตรีสมัยใหม่ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาอุตสาหกรรมดนตรี หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาดนตรีและเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น ประเภทวิชาศิลปกรรม สาขาวิชาดนตรี สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะเฉพาะทางอีกด้วย ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้หลักการและกระบวนการทำงานในกลุ่มงานพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรี สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรี รวมทั้งสามารถปฏิบัติงาน วิเคราะห์ แก้ปัญหา สร้างสรรค์ และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนางานอุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรีได้ โดยมีรายวิชาที่น่าสนใจอย่างทฤษฎีดนตรี การประสานเสียง การบันทึกเสียงขั้นสูง การจัดระบบเสียงสำหรับการแสดงดนตรี การผลิตรายการดนตรีบนสื่อออนไลน์ ศิลปะการแสดงร่วมสมัย การขับร้อง การซ่อมบำรุงเครื่องดนตรี เป็นต้น

ความน่าสนใจของหลักสูตรนี้อยู่ที่ความหลากหลายของอาชีพที่รองรับผู้สำเร็จการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี นักร้อง นักประพันธ์เพลง ผู้ประกอบการธุรกิจดนตรี ช่างซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องดนตรี ไปจนถึงผู้ผลิตผลงานสร้างสรรค์ทางดนตรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล แต่หลายคนคงสงสัยว่าอาชีพเหล่านี้มีรายได้มากน้อยแค่ไหน รายได้ของนักดนตรีและนักร้อง นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชื่อเสียง ประสบการณ์ จำนวนผู้ชม และช่องทางการสร้างรายได้ เช่น การแสดงสด การบันทึกเสียง หรือการขายสินค้าที่ระลึก นักดนตรีมืออาชีพในประเทศไทย อาจมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับความดังและจำนวนครั้งที่แสดง แต่สำหรับศิลปินระดับอินเตอร์เนชั่นแนล รายได้อาจสูงถึงหลักล้านหรือหลักสิบล้านบาทต่อปี นักประพันธ์เพลง ก็มีโอกาสสร้างรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เมื่อมีการนำเพลงไปใช้ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือในสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ หรือโฆษณา ค่าลิขสิทธิ์นี้จะคำนวณจากจำนวนครั้งที่เพลงถูกนำไปใช้ และระยะเวลาที่ใช้ ซึ่งอาจเป็นรายได้ก้อนโตสำหรับเพลงฮิตติดหู ผู้ประกอบการธุรกิจดนตรี เช่น ค่ายเพลง หรือผู้จัดการศิลปิน จะมีรายได้จากการขายอัลบั้ม การจัดคอนเสิร์ต การบริหารจัดการศิลปิน และการสร้างรายได้จากช่องทางอื่น ๆ เช่น การขายสินค้าที่ระลึก รายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจดนตรีจะขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ และความสำเร็จของศิลปินในสังกัด อาชีพอื่น ๆ ในวงการดนตรี เช่น ช่างซ่อมเครื่องดนตรี หรือโปรดิวเซอร์ ก็มีรายได้ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียง อาจได้รับค่าตอบแทนสูงถึงหลักแสนบาทต่อโครงการ นอกจากรายได้ทางตรงแล้ว นักดนตรีและผู้ที่ทำงานในวงการดนตรี ยังได้รับประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การได้พบปะผู้คนในวงการเดียวกัน การได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และการได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน

ที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาที่เปิดสอนถึง 23 แห่ง และการกระจายตัวของสถานศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย จากกรุงเทพมหานครไปจนถึงจังหวัดชายแดน ได้แก่ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร วิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวง วิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา กรุงเทพมหานคร วิทยาลัยสารพัดช่างพระนครศรีอยุธยา วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรสงคราม วิทยาลัยการอาชีพชัยบาดาล จ.ลพบุรี วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ วิทยาลัยสารพัดช่างเพชรบูรณ์ วิทยาลัยสารพัดช่างกำแพงเพชร วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิจิตร วิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร-แจ่มใส จ.สุพรรณบุรี วิทยาลัยสารพัดช่างราชบุรี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี วิทยาลัยสารพัดช่างภูเก็ต วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี วิทยาลัยการอาชีพกาฬสินธุ์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเมืองชัยภูมิ วิทยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ วิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา และวิทยาลัยเทคนิคนครโคราช จ.นครราชสีมา การกระจายตัวนี้ช่วยให้เยาวชนทั่วประเทศมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาด้านดนตรีและเทคโนโลยีได้อย่างทั่วถึง

จากข้อมูลล่าสุดในปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นปีแรกของการเปิดสอนหลักสูตรนี้ พบว่ามีนักเรียน นักศึกษาให้ความสนใจเข้าศึกษาในสาขานี้เป็นจำนวนมาก โดยมีนักเรียนระดับ ปวช. รวมทั้งสิ้น 107 คน และระดับ ปวส. อีก 26 คน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการศึกษาสายอาชีพด้านดนตรีและเทคโนโลยีในประเทศไทย และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในปีการศึกษาต่อไป

การริเริ่มโครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของตนเองอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ได้รับความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของ CVM และความร่วมมือจากสถานศึกษาทั่วประเทศ เราอาจได้เห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมดนตรีและบันเทิงของไทยในอนาคตอันใกล้ ที่ขับเคลื่อนด้วยบุคลากรที่มีทั้งความสามารถทางศิลปะและความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี นับเป็นก้าวสำคัญของการศึกษาไทยที่กำลังปรับตัวให้ทันกับความต้องการของโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง

กำพล วงศ์สุทธา ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดปทุมธานี รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ