ด่วน จุลพันธ์ ประกาศข่าวดี เงินดิจิทัล 10,000

ด่วน จุลพันธ์ ประกาศข่าวดี เงินดิจิทัล 10,000

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบาง ของวันที่ 25 ก.ย. ซึ่งเป็นวันแรกว่า จากเป้าหมายเกือบ 3.2 ล้านคน โอนได้แล้วเสร็จประมาณ 3.1 ล้านคน เท่ากับมีการตกหล่นไม่มากนัก โดยในวันที่ 26 ก.ย. จะโอนอีก 4.5 ล้านคน วันที่ 27 ก.ย. จะโอนอีก 4.5 ล้านคน ก่อนโอนส่วนที่เหลือทั้งหมดในวันที่ 30 ก.ย.

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขณะที่ผู้ที่ลงทะเบียนโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ นั้น ยืนยันว่าจะได้รับอย่างเงินแน่นอน โดยรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการในรูปแบบ ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมองประโยชน์ใน 2 มิติ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างความรู่เรื่องการใช้ดิจิทัล จะคาดว่ามีประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ประมาณ 26 ล้านคน โดยตัดความซ้ำซ้อนจากกลุ่มเปราะบางที่เข้ามาลงทะเบียนแล้วได้รับสิทธิไปแล้ว

การคัดกรองประชาชนที่มาลงทะเบียน 36 ล้านคน เราต้องตรวจคุณสมบัติว่ามีสิทธิเท่าใด และจากการตรวจสอบพบว่ามีความซ้ำซ้อนจากสิทธิที่ได้รับในกลุ่มเปราะบาง 10 ล้านคน ส่วนกลุ่มเปราะบางที่เหลืออีก 4 ล้านคน ก็สันนิษฐานได้ว่า เป็นกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย ฉะนั้น จะเหลือประชาชนที่ต้องดูแลอีกประมาณ 26 ล้านคนบวกลบ” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ขณะที่รายละเอียดของโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 นั้นต้องรอความชัดเจนจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนจะจ่ายเงิน 10,000 บาทหรือ 5,000 บาท ต้องดูความเหมาะสม เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายมิติ

ถ้าตัวเลขมีความแตกต่างไม่มาก เราก็มีความสามารถในการบริหารงบประมาณที่จะดำเนินการได้ในครั้งเดียว แต่หากตัวเลขเยอะ และต้องเร่งเครื่องทางการคลัง เช่น ขาดงบประมาณ 1 แสนล้านบาท แล้วต้องเติมด้วยการใช้งบกลาง เราก็จะไม่ทำ เพราะต้องใช้ในภารกิจอื่น จะต้องดำเนินการแบ่งเป็นเฟส” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากการดำเนินโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต แล้วเสร็จทั้งโครงการ จากเม็ดเงินงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาทนั้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาอยู่ในเกณฑ์ระดับศักยภาพได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ยอมรับว่าศักยภาพของประเทศไทย เศรษฐกิจขยายตัวอยู่ที่เพียง 2%กว่าต่อปี แต่เราอยากเห็นเศรษฐกิจไทยเติบโตในตัวเลขศักยภาพที่ 5%ต่อปี โดยต้องขยายเพดานศักยภาพของเราผ่านกลไกต่างๆ เช่น การพัฒนาทักษะแรงงาน ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ที่ต้องเดินคู่ขนาด

ตอนนี้เงินเข้าถึงมือพี่น้องกลุ่มเปราะบาง ขอให้เขาได้มีโอกาสใช้เงินให้เป็นประโยชน์กับชีวิต จากการโอนเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า ทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก มีความคึกคักมาก ซึ่งนี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าส่งผลบวกต่อจีดีพี 0.35% และหากเฟสที่ 2 เติมเงินให้กับประชาชนถูกจังหวะ ก็จะเป็นแรงเสริมให้กับเศรษฐกิจต่อไป” นายจุลพันธ์ กล่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ