ร้องกองปราบ ถูก ผู้กอง ขอค้ำประกันแต่ ไม่ยอมจ่ายเงินนาน 10 ปี จนถูกหมายศาลมายึดบ้าน

ร้องกองปราบ ถูก ผู้กอง ขอค้ำประกันแต่ ไม่ยอมจ่ายเงินนาน 10 ปี จนถูกหมายศาลมายึดบ้าน

วันที่ 23 ก.ย.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พาผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือตำรวจกองปราบฯ กรณีโดน ผู้กองแอ๊ค รตอ.รอง สว.สส.ใช้ความเชื่อใจว่าเป็นตำรวจ เชื่อดนิ่มๆ ให้ค้ำประกันออกรถให้ สุดท้ายต้องเสีย บ้าน เสียที่ เพราะความไว้ใจ

น.ส.ปาริชาติ นาสิงห์เตา ผู้เสียหาย อายุ 43 ปี พร้อมด้วยนายอัชฌา โพธิ์ละคร อายุ 43 ปี สามี เดินทางมาจากจังหวัด นครราชสีมา เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อร้องทุกข์ ถูกตำรวจ ยศ ร้อยตำรวจเอก เป็นรองสารวัตรสืบสวน สภ.ระหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เป็นเพื่อนรู้จักกันมาทั้งสามีและภรรยาของกันละกัน นานกว่า 20 ปี มาขอให้สามีเธอไปเซ็นค้ำประกันรถยนต์ของผู้กองที่จะนำเข้าไฟแนนซ์ เมื่อปี 2556 / เธอเห็นว่า เป็นคนรู้จักกันสนิทสนมไปมาหาสู่กันมานานตั้งแต่ปี 2543 และเป็นข้าราชการตำรวจ จึงไว้ใจไปเซ็นค้ำประกัน รีไฟแนนซ์จำนวน 450,000 บาท หลังจากเซ็นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรเพราะคิดว่าเป็นตำรวจมีเงินเดือนคงจะจ่ายค่างวดตามปกติ

จนกระทั่ง ช่วงปี 2558 ก็ทราบว่า ผู้กองคนดังกล่าว ไม่จ่ายค่างวดรถเลยสักงวด ทำให้ศาลนัดไปไกล่เกลี่ยร่วมกับไฟแนนซ์ ซึ่งวันที่ไปไกล่เกลี่ยกัน ผู้กองก็ยืนยันต่อหน้าศาล ว่าจะจ่ายเงินให้เดือนละ 3,500 บาท ทุกเดือนจนหมด ซึ่งเธอก็เซ็นรับทราบไป จนกระทั่ง เมื่อปี 2565 เธอก็ได้รับหมายศาลว่าจะมายึดบ้านขายทอดตลาดจากกรณีที่เธอไปเซ็นค้ำประกัน ซึ่งตอนนี้มียอดหนี้ ทั้งหมด 1.2 ล้านบาท (พร้อมดอกเบี้ย) เธอก็ตกใจ จึงไปตรวจสอบก็พบว่า ผู้กอง ไม่เคยจ่ายสักงวดตั้งแต่ปี 2556 และแม้ว่าจะมีคำสั่งศาลให้จ่ายหลังไกล่เกลี่ย ก็ยังไม่ยอมจ่ายจนศาลมายึดบ้านเธอ แต่ผู้กองคนดังกล่าวยังขับรถปกติไม่เดือดร้อนอะไร

เธอก็ไปถามผู้กอง ก็ยังบอกกลับมาว่า “ก็รอให้ไฟแนนซ์มายึดอยู่ แต่ก็ไม่มาสักที” เธอก็บอกว่าว่าเธอเดือดร้อน ผู้กองก็อ้างว่าจะรับผิดชอบ จะหาเงินมาใช้หนี้ให้ แต่ก็ไม่มาสักที บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย เธอเคยเข้าไปคุยกับผู้กำกับของสภ.ดังกล่าว ก็บอกว่าจะไปคุยให้และผู้กองก็อ้างไปเรื่อยว่าจะรับผิดชอบ แต่ก็ไม่ทำอย่างที่พูดสักที

น.ส.ปาริชาติ บอกอีกว่า ที่ศาลมายึดบ้านขายทอดตลาดไป ได้เงินทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาท แต่เมื่อได้เงินมา ก็ต้องเอาไปจ่ายค่าบ้านที่เธอไปกู้เงินมาซื้อบ้าน หักลบกันแล้วก็ไม่พอค่าบ้าน แถมยังไม่ได้ใช้หนี้ค่าไฟแนนซ์ที่ไปค้ำประกันอีก ทำให้ตอนนี้ กรมบังคับคดีจะมายึดที่ดิน 12 ไร่ของเธอไปจ่ายไฟแนนซ์ทำรถอีก / ทำให้ล่าสุด เธอไปขอรถคันดังกล่าวจากผู้กองไปให้ไฟแนนซ์ เพื่อหักกับค่าดอกและทางไฟแนนซ์ก็บอกกับเธอว่าหาเงินมาอีก 6 แสน ก่อนวันที่สามตุลาเพื่อปิดหนี้ทั้งหมดและเธอจะถูกยึดที่ดิน 12 ไร่

น.ส.ปาริชาติ บอกว่าเธอหาไม่ทันหรอก เพราะตอนนี้ เธอเดือดร้อนมากบ้านก็ไม่อยู่ต้องไปเช่าห้องเล็กๆอยู่กันในครอบครัวและต้องให้แม่ที่ดูแลไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเพราะนอนไม่พอ จึงมาร้องที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ช่วยเหลือ

นอกจากนี้ เธอได้โทรศัพท์ไปหา ผู้กองคนดังกล่าว เพื่อถามความคืบหน้าที่จะรับผิดชอบ ก็ตอบเชิงบ่ายเบี่ยง โดยอ้างว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการกู้สหกรณ์เพื่อนำเงินมาใช้คืน แต่พอผู้เสียหายถามย้ำว่าจะได้เงินจริงหรือไม่ ได้เงินเท่าไหร่ ตำรวจก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ เอาแต่ตอบเพียงแค่ว่าจะรับผิดชอบอย่างแน่นอน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมาให้ก่อนจะประสานไปทางผู้บังคับบัญชา สภ. ละหานทรายให้ช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ