ยายวัย 91 ปวดหัวใจ ถูกลูกสะใภ้ฟ้องหมิ่นประมาท ปมเหตุเพราะปลูกต้นกะเพราล้ำที่ดินมาแค่ก้านเดียว
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าตกใจ หลังสำนักข่าวดัง รายงานเรื่องราวของคุณยายท่านหนึ่งอายุ 91 ปี ทราบชื่อคือคุณยายน้ำวุ้น ถูกลูกสะใภ้ฟ้องหมิ่นประมาท โดยคุณป้าวิภา อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นหลานของคุณยายน้ำวุ้นเล่าว่า ตนกับคุณยายนั้นอยู่บ้านใกล้กัน มีลูกชาย 2 คนและอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาได้มีการแบ่งที่ดินให้ลูกตามปกติ ซึ่งเป็นที่ดิน ภบท.5 ไม่มีโฉนด แต่อนุญาตให้ทำกิน ยอมรับว่าลูกชาย 2คน มีปัญหากับแม่เรื่องการแบ่งที่ดินซึ่งล้ำกันไปมา
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2567 คุณยายน้ำวุ้น มีปัญหากับลูกชาย หลังจากที่ได้แบ่งที่ดินให้ คุณยายปลูกต้นกะเพราเรียงไว้ที่รั้วของตนเอง แต่ลูกชายกลับบอกว่า คุณยายไป ปลูกล้ำที่ของเขา ทั้งๆที่เป็นที่ดินของคุณยาย ทำให้มีการด่าทอ โดยมีลูกสะใภ้ร่วมด้วย
ป้าวิภา เล่าว่า เพิ่งจำมาทราบภายหลังว่า คุณยายถูกลูกสะใภ้ด่าว่า อีร้อยค-ย อี-อกทอง จากนั้นคุณยายก็ด่าลูกสะใภ้กลับเช่นกัน และต่างฝ่ายต่างมีการไปแจ้งความ ที่ สภ.ห้วยกระเจ้า โดยมีการยืนยันจะดำเนินคดี พอเวลาผ่านไป คุณยายเห็นว่าคดีไม่คืบหน้า ก็เลยให้ตนพาไปที่โรงพักเพื่อตามคดี แต่ร้อยเวร แต่ร้อยเวรกลับบอกว่าเห็นเป็นแม่ลูกกัน คิดว่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ ก็เลยยังไม่ดำเนินการใดๆ และคุณยายก็ไม่มีพยาน
จนกระทั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา มีเจ้ากน้าที่ตำรวจโทรหาคุณยาย บอกให้คุณยายไปพบตำรวจที่โรงพัก ตอนนั้นไม่มีใครพายายไปได้ ยานเลยมาบอกให้ตนขี่มอเตอร์ไซค์พาไป จนมารู้ว่า ยายถูกลูกสะใภ้ดำเนินคดี และจะมีการส่งฟ้องต่อศาลในวันรุ่งขึ้น โดยตำรวจนัดให้ไปขึ้นศาลใน อ.เมือง และต้องขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาที่โรงพัก ตนจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งยายขึ้นรถผู้ต้องหา ตนยังเจ็บใจแทนยาย เพราะยายก็อายุ 91 ปี แล้ว ทั้งไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก แต่กลับถูกดำเนินคดีจากลูกสะใภ้ตัวเอง
ตอนไปขึ้นศาล ตนไม่ได้เข้าไปด้วย เพราะตำรวจไม่ให้เข้า พอรู้อีกทีว่า ว่ายายมีความผิด ต้องจำคุก 1 เดือน ถูกปรับ 2,500 เหตุที่ว่า ไปด่ากลับว่า “อรี100ค-ย อี-อกไม้สีทอง” ทำให้โจทก์ได้รับความเสี่ยหาย ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงไม่ดี สำส่อน เอากับคนอื่นไปทั่ว ทั้งนี้ประการนี้ ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง
แต่ศาลเมตตา ไม่ได้ให้เสียค่าปรับ ส่วนเรื่องจำคุก รอคุมประพฤติ 1 ปี แต่ต้องไปเซ็นเอกสาร ซึ่งตนไม่รู้ขั้นตอนตรงนี้ ตนยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง และตนรู้สึกเจ็บใจและเสียใจแทนคุณยาย เพราะตนมาทราบอีกว่า ตอนฟ้องร้องนั้นลูกสะใภ้ฟ้อง และมีลูกชายเป็นพยานให้ภรรยาตัวเอง เพื่อดำเนินคดีกับแม่
อีกทั้งตนรู้สึกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ เพราะน่าจะถามยายว่า มีหลานหรือคนรู้จัก ให้มาช่วยอ่านหนังสือให้แทนไหม เพราะยายแก่มากแล้ว อ่านหนังสือไม่ออก เวลาใครพูดอะไรก็พิมพ์ลายนิ้วมือแทนลงไป อีกทั้งยาย ยังเคยทะเลาะกับลูกชาย ถึงขั้นถูกลูกชายทำร้ายร่างกายทุบตีมาแล้ว 3 ครั้ง มี 1 ครั้งที่ยายสลบไปจนชาวบ้านมาช่วยพาไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ยายก็ไม่ได้เอาเรื่อง ไม่ได้แจ้งความ เพราะคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายายยังถูก ลูกสะใภ้กับลูกชาย ด่าทอสารพัด ราวกับว่าไม่คิดว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดมาแต่อย่างใด
ทางด้านของคุณยาย น้ำวุ้น อายุ 91 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเคยทะเลาะกับลูกชายหลายต่อหลายครั้ง ที่หนักสุดคือ ลูกชายหาว่าตนเองไปปลูกต้นไม้ล้ำที่ดินของเขา แล้วไปเรียกลูกสะใภ้มา พอมาถึง ลูกสะใภ้จิกหัวตน พร้อมกับใช้รองเท้าตบมาที่ใบหน้าของตนจนสลบไป โชคดี มีชาวบ้านแถวนั้นเข้ามาช่วย นำตัวยายผูกเอวแล้วขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ขี่ไปส่งโรงพยาบาล ครั้งนั้น ยายรู้สึกตัวอีกทีอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว คุณหมอได้แจ้งตำรวจให้ตำรวจมาสอบปากคำตอนยายอยู่โรงพยาบาล ยายก็เล่าไปตามความจริง
ตำรวจเลยแนะนำว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลให้ยานไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากออกโรงพยาบาลยายได้ไปสถานีตำรวจ ตำรวจเลยเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาไกล่เกลี่ย ครั้งนั้นลูกชายโยนเงินให้ 1,000 บาท แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป