สั่ง 2 อำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และท่วมขัง

สั่ง 2 อำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และท่วมขัง

วันนี้ 18 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าวว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางแจ้งว่า ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (194/2567) ลงวันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น. แจ้งว่า พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนและคาดว่าในช่วงวันที่ 20-21 กันยายน 2567 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรงในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน 2567 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ประกอบกับในช่วงวันที่ 17-21 กันยายน 2567 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนถานการณ์ระหว่างวันที่ 17-23 กันยายน 2567 โดยจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง หว่างวันที่ 17-23 กันยายน 2567 ได้แก่ อำเภอสังขละบุรี และอำเภอทองผาภูมิ

เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ จึงให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารภัยอำเภอ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารภัยองค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการ ดังนี้

1.ให้ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ข้อมูลข่าวสารของทางราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ที่มีฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อาทิเช่น ทหาร ตำรวจ หน่วยงานชลประทาน สถาบันการศึกษา มูลนิธิ อาสาสมัคร ฯลฯ เตรียมความพร้อมกำลังพล วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะ ถ้ำ น้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นพื้นที่ ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว ตลอด 24 ชั่วโมง

2.ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ และหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนตามแผนเผชิญเผชิญเหตุ อาทิ การกำจัดวัชพืช ขยะตามเส้นทางน้ำ การพร่องน้ำในแหล่งน้ำ การเร่งระบายน้ำ การเปิดทางน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม การระบายน้ำ ส่งน้ำไปกักเก็บในแหล่งน้ำที่มีน้ำน้อย โดยประเมินสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้ง ตรวจสอบความมั่นคง เรือแพ โป๊ะเรือ ท่าเทียบเรือ และจุดเสี่ยงพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ถ้าไม่มีความมั่นคงแข็งแรง พิจารณาแล้วเป็นอันตรายให้แก้โขโดยด่วน รวมทั้งให้ไข้ประโยชน์จาก "มิสเตอร์เตือนภัย" ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยงภัยแจ้งข้อมูลสถานการณ์ภัย ที่เกิดขึ้น

3.ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ และหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดขอบการก่อสร้าง บำรุงรักษาถนน ในการตรวจสอบปรับปรุง กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาการระบายน้ำในช่วงฝนตกหนัก พร้อมทั้งให้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ติดตั้งป้ายสัญญาณจราจรแจ้งเตือนให้ใช้ความระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวให้ชัดเจน

และ 4.หากมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ ให้ถือปฏิบัติตามข้อสั่งการมาตรการ ตามหนังสือกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ด่วนที่สุด ที่ กจ (กอปภ.จ.)0021/ว 194 ลงวันที่ 13มิถุนายน 2567 และสามารถแจ้งเหตุผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 1784 หรือแจ้งผ่านไลน์"ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784" โดยดำเนินการเพิ่มเพื่อน Line ID @sold&DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ทราบทันที ที่หมายเลขโทรศัพท์ 034-515998 โทรสาร 034-516795 เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

ทีมข่าวสยามนิวส์ จังหวัด กาญจนบุรี รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ