เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 17 ก.ย. 2567 พ.ต.ท.ไชยา จรุงจิตประเสริฐ สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ที่บ้านโคกเพชร ม.10 ต.หนองตาด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หลังรับแจ้ง จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว เลขที่ 133 ม.10 ต.หนองตาด อ.เมืองบุรีรัมย์ พบนายคำมี หรือสัปเหร่อพี แสนแก้ว อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านนอนรอเจ้าหน้าที่อยู่เปลหน้าบ้าน และรับสารภาพว่า ลงมือทำร้ายเมีย จนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบสวนต่อที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์

จากการตรวจสอบ บริเวณเปลหน้าบ้าน พบคราบเลือด และรองเท้าผู้เสียชีวิตตกอยู่ ห่างไปประมาณ 10 เมตร บริเวณหน้าห้องน้ำข้างบ้าน พบศพของ น.ส.ทิพย์วรรณ หรือหนูนา ศรบุญทอง อายุ 35 ปี ชาว ต.หัวฝาย อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ สภาพศพ นอนหงาย บริเวณศรีษะด้านซ้ายมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งและมีรอยช้ำบริเวณแขนซ้าย ใกล้ศพมีท่อนไม้ไผ่หักอยู่ข้างศพอีก 1 ท่อน เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบ เบื่องต้นคาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง

จากการสอบถามนายสอด นาระสิทธิ์ อายุ 81 ปี ชาว ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พ่อเลี้ยงผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายพี (ลูกเขย) ขี่รถจยย.มาที่บ้านและมาบอกว่า ผมทำร้ายหนูนาเสียชีวิตแล้ว ตนเองจึงพานางอรุณ สอนบุญทอง ซึ่งเป็นแม่ของหนูนา ตามมาที่บ้านลูกเขย และสอบถามลูกเขยว่าทำร้ายทำไม

นายพี บอกว่า กระเป๋าเงินตนเองหาย จึงคิดว่าผู้เสียชีวิตเอาไป จึงไปสอบถามเพื่อจะเอาเงิน และกระเป๋าคืน จะนำไปซื้อเหล้าดื่มกินต่อ เนื่องจากติดลม ทำให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน เขาจึงใช้ไม้ไผ่กระหน่ำตี ภรรยาจนแน่นิ่ง กระทั่ง เดินมาเข้าห้องน้ำ เห็นภรรยานอนอยู่ที่เดิม จึงเข้าไปจับตัวพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงขับรถไปบอกตนที่บ้าน ส่วนตัวคาดว่าลูกเขยกินเหล้าจนเมาและเหล้าคงหมด เลยอยากได้เงินไปซื้อเหล้ามากินต่อ

ทางด้านนายณรงค์ พรมประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 เล่าว่า นายพี มีอาชีพเป็นสัปเหร่อ ประจำหมู่บ้าน แต่ชอบกินเหล้าทุกวัน ถ้าเพื่อนฝูงมาบ้าน ก็กินไม่ต่ำกว่า 3 ขวด และทะเลาะกับผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นภรรยาเป็นประจำอยู่แล้ว เวลาเมา หลังก่อเหตุเสร็จก็ไม่ได้หนีไปไหน ส่วนตัวคาดว่า สาเหตุก็คงมาจากเหล้า จนทำร้ายเมียเสียชีวิต เพราะจะเอาเงินไปซื้อเหล้า

ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน