
รวบมือคัดท้ายฝีพายหนุ่ม ดีกรีแชมป์เรือนครพนม ค้าเกล็ดลิ่นข้ามชาติ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ร่วมกันจับกุมนายวีระชัยฯ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ตามหมายจับของศาล จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 19/2567 ลงวันที่ 11 มกราคม 2567 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคงท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร
ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และร่วมกันนำเข้าส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถจับกุมได้ที่ ริมอ่างเก็บน้ำหนองญาติ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ส.ค.66 กก.3 บก.ปทส. ได้จับกุมขบวนการลักลอบขนเกล็ดลิ่น ข้ามชาติได้พร้อมของกลางเกล็ดลิ่นมากกว่า 1,600 กิโลกรัม โดยจากการสอบสวนพบว่ามีการลักลอบและทำเป็นขบวนการใหญ่มีผู้ต้องหาจำนวนหลายคน และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นายวีระชัยฯ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการขนเกล็ดลิ่นในครั้งนั้นด้วย ต่อมา กก.3 บก.ปทส.จึงได้รวบรวมหลักฐาน พร้อมขอศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ออกหมายจับนายวีระชัยฯ ผู้ต้องหา
ล่าสุด กก.3 บก.ปทส. จึงได้ทำการสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้ตลอดมา จนทราบว่าผู้ต้องหากลับมาปรากฏตัวอยู่บริเวณหมู่บ้านตามภูมิลำเนาของผู้ต้องหา และเดินสายแข่งขันพายเรือประเพณีในพื้นที่ จ.นครพนม โดยจะทำการซ้อมพายเรืออยู่บริเวณอ่างเก็บแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองนครพนม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผน วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวได้พร้อมนำตัว นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เตือนภัย สำหรับการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ (เกล็ดลิ่น) เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แต่หากเป็นสายพันธุ์ต้นกำเนิดจากต่างประเทศ บางสายพันธุ์ตามกฎหมายไทยอาจยังไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 หรือยังไม่ได้เป็นสัตว์ป่าที่ CITES ควบคุม แต่หากมีการลักลอบนำเข้าหรือนำผ่านราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ก็อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ฯ หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน