น้องแมงปอ ร่ำไห้ถูกพ่อแฟนหลอกจัดงานแต่งสูญเงิน 3 แสน เอาทอง-เงินเก็บทั้งชีวิตครอบครัวไปจำนำใช้หนี้จัดงานแต่ง หมดตัวแถมเป็นหนี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 269 ม.3 ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร โดยพบกับ น.ส.ศิริเพ็ญ หรือ น้องแมงปอ อายุ 21 ปี และ นายขจร อายุ 57 ปี ,นางผุสดี อายุ 53 ปี พ่อกับแม่ โดยก่อนนี้ร้องขอความช่วยเหลือกับผู้สื่อข่าวในพื้นที่ ว่าถูกครอบครัวของแฟนหนุ่ม นายภู่ วรภัทร อายุ 21 ปี หลอกให้จัดงานแต่งกับลูกสาว และสูญเงินไปกว่า 300,000 บาท
โดยต้องนำทองคำ 3 บาท ไปจำนำ และเงินสด 80,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของครอบครัวฝ่ายหญิงไปจ่ายค่าโต๊ะจีน 30 โต๊ะ และค่าจัดงานทุกอย่าง จนไม่มีเงินติดตัวแถมเป็นหนีญาติอีก
ทั้งนี้นายจิรศักดิ์ อายุ 40 ปี พ่อของ นายวรภัทร อายุ 21 ปี แฟนหนุ่ม ได้บอกกับครอบครัวฝ่ายหญิงว่าจะนำเงินสด 200,000 บาท และทองคำ 2 บาท มาเป็นสินสอดในวันงานแต่ง โดยเสนอให้ฝ่ายหญิงจัดงานแต่งในวันที่ 21 เม.ย.67 เพราะเป็นวันเกิดของพ่อฝ่ายชาย พอถึงวันที่ 10 เม.ย.67 ทั้งพ่อและแม่ฝ่ายชายและญาติ รวม 10 คน ก็ได้เดินทางเข้ามาขออยู่ในบ้านของฝ่ายหญิงจนถึงวันงานแต่ง ซึ่งระหว่างก่อนงานจะจัดขึ้น นายจิรศักดิ์ พ่อฝ่ายชาย ก็ได้พาคู่บ่าวสาวไปจองชุดแต่งงาน จองเครื่องขันหมาก และอื่นๆที่ใช้จัดงาน ซึ่งได้จ่ายมัดจำบางส่วน และบอกว่าจบงานเดี๋ยวจ่ายส่วนที่เหลือให้ โดยตลอด 11 วันครอบครัวของฝ่ายชาย ก็อาศัยกินนอนใช้ชีวิตอยู่บ้านฝ่ายหญิงโดยครอบครัวฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นและสวยงามกับงานแต่งครั้งนี้ เมื่อวันเตรียมงาน เวลา 19.00 น. วันที่ 20 เม.ย.67
ก่อนงานแต่งวันรุ่งขึ้น นายจิรศักดิ์ พ่อฝ่ายชาย ได้เดินเข้ามากราบเท้าทั้งน้ำตา นางผุสดี แม่ฝ่ายหญิง พร้อมบอกว่าตนเองขอโทษที่ไม่สามารถหาเงินสินสอดตามที่บอกมาจัดงานได้ ขอเวลา 15 วัน หลังงานจบจะนำมาคืนให้ทุกบาท ซึ่งครอบครัวฝ่ายหญิงต้องหาวิธีแก้ไขเบื้องต้นเพราะงานจัดขึ้นแล้วเชิญแขกหมดแล้ว โต๊ะจีนมาแล้ว จึงได้นำเงินและทองทั้งหมดควักสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายจัดงานให้งานจบ เมื่อจบงานครอบครัวฝ่ายชายก็ได้เดินทางกลับโดยไม่รู้ว่าไปไหนมีภูมิลำเนาที่ใด ในส่วนของแฟนหนุ่มที่เป็นเจ้าบ่าวก็ยังอยู่ตามปกติ ผ่านไป 15 วัน นายจิรศักดิ์ พ่อฝ่ายชาย ก็ยังไม่นำเงินสินสอดรวม 290,000 บาท มาจ่ายตามกำหนด โดยขอผ่อนจ่ายส่งรายเดือน และจะเข้าไปทำสัญญา ซึ่งตกลงจ่ายเดือนละ 20,000 บาท เป็นเวลา 15 เดือน ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปหนึ่งเดือน ก็ชำระ 20,000 บาทแรก และเดือนที่ 2 ชำระเพิ่มมาเพียง 8,000 บาท
โดยหลังจากนั้นก็หายหน้าและไม่รับสาย ครอบครัวฝ่ายหญิงจึงตัดสินใจที่จะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ขาณุวรลักษบุรี โดยตำรวจได้แนะนำให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อเรียกไกล่เกลี่ย โดยครอบครัวฝ่ายชายได้เดินทางมาที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี เพื่อเจรจารอบ 2 พร้อมทำสัญญาฉบับที่ 2 เนื่องจากชำระเดือนละ 20,000 บาทไม่ไหว จนสุดท้ายให้ชำระเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งครอบครัวฝ่ายชายก็หายไปเลยไม่สามารถติดต่อได้ น้องแมงปอ รู้สึกสงสารพ่อและแม่อย่างมากที่ต้องเป็นสาเหตุของปัญหาทั้งหมด โดยมีปากเสียงกับ นายวรภัทร แฟนหนุ่มบ่อยครั้งจนสุดท้ายผ่านไป 3 เดือน จึงตัดสินใจเลิกราแยกทางกัน ซึ่งก็ยังเจอกันบ้างในมหาวิทยาลัยที่เรียนด้วยกัน โดยก่อนแต่งงานได้คบกันมาตั้งแต่ ปี 1 จนปัจจุบัน ปี 3 ผ่านไปเกือบหกเดือนจึงตัดสินใจพูดคุยกับครอบครัวนำเรื่องดังกล่าวร้องทุกข์กับสื่อมวลชนและขอความช่วยเหลือไปถึง ทนายไพศาล เรื่องคดีความ ว่าจะมีวิธีไหนสามารถให้ครอบครัวฝ่ายชายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายครั้งนี้ได้บ้าง
น.ส.ศิริเพ็ญ หรือ น้องแมงปอ เล่าทั้งน้ำตาว่า “หลังจากทุกคนทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือแก้ปัญหาแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตนสงสารพ่อกับแม่จึงตัดสินใจนำเรื่องราวทั้งหมดออกมานำเสนอเพื่อขอความช่วยเหลือจากทนายไพศาล ตนได้คุยกับแฟนหนุ่มแต่ไม่ได้คำแนะนำใดๆในการแก้ปัญหา จนต้องตัดสินใจเลิกรากับแฟนหนุ่มหลังเกิดเรื่อง 3 เดือน ตนไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง” “ซึ่งการจัดงานทุกอย่างมันดูเหมือนราบรื่น ใกล้ถึงวันงานพร้อมแต่งแต่กลับมาเจอปัญหาที่ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะพ่อแม่กลัวว่าลูกสาวจะหม้ายขันหมาก จึงต้องแก้ปัญหาให้เสียหายน้อยที่สุด อยากฝากถึงพ่อของแฟนว่ายังมีความเป็นคนอยู่ไหมที่ทำได้แบบนี้ อยากให้มารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไว้” “ตนไม่ได้อยากเลิกกับแฟนหนุ่มแค่เรื่องแบบนี้ ตนรู้ว่า แฟนหนุ่มก็รักพ่อเค้า เหมือนที่ตนก็รักพ่อแม่ตน ตนเชื่อว่าลูกผู้หญิงเกิดมาครั้งหนึ่งได้แต่งงานมีครอบครัวมันก็เป็นความฝันและความสุข ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งอยากจะขอคำแนะนำขอความช่วยเหลือจากทนายไพศาล เพราะไม่มีที่พึ่งในการแก้ไขปัญหา”
นางผุสดี อายุ 53 ปี แม่ฝ่ายหญิง เล่าว่า “ใกล้วันแต่งงานตนในฐานะแม่ก็มีความกระตือรือร้นเตรียมจัดงานไว้ให้ลูกสาว จนเวลา 1 ทุ่ม วันที่ 20 เม.ย.67 ก่อนงานแต่ง พ่อฝ่ายชายได้มากราบเท้าตนและขอโทษเพราะไม่มีเงินมาช่วยจัดงานตามที่บอก ทำให้ตนต้องตัดสินใจนำทองที่สะสมมาตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก”
“และเงินที่ทำงานทั้งหมดนำมาสำรองจ่ายในงานแต่งเพื่อแก้ปัญหาให้งานแต่งสำเร็จ ไม่พอก็ต้องยืมญาติพี่น้องมาจ่ายจนหมดเนื้อหมดตัว ที่ผ่านมาตอนทั้งลูกสาวและฝ่ายชายมาอยู่บ้านก็ต้องส่งเสียเรียนมหาวิทยาลัยด้วย” “ตนอยากได้ยินความรับผิดชอบของพ่อฝ่ายชายถึงความเป็นลูกผู้ชายที่ต้องรักษาสัจจะที่ให้ตนไว้ ตนขอความเมตตาจากทนายไพศาล ช่วยแนะนำเรื่องดัวกล่าวด้วย” นายขจร อายุ 57 ปี พ่อฝ่ายหญิง เล่าว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกสาวคือการแต่งงานตนก็อยากทำให้ทุกอย่างมีความภาคภูมิใจได้มีโอกาสได้รดน้ำสังข์แต่งงาน จนไม่รู้ว่าพ่อของฝ่ายชายคิดอะไรอยู่ถึงตัดสินใจหลอกให้จัดงานจนเสียเงินมากมายขนาดนี้” “ซึ่งหากไม่มีเงินตนก็ไม่ได้เรียกร้องใดๆ แต่พ่อของฝ่ายชายกลับเสนอสินสอดและเงินทั้งหมดทำให้ต้องจัดเตรียมจนเป็นงานใหญ่ สุดท้ายเจอปัญหาแบบนี้ก็ต้องแก้ไขให้ได้รับความเสียหายในงานน้อยที่สุด” “ซึ่งตลอดเวลาไม่มีพิรุธใดๆที่จะหลอกเลย อยากขอความเป็นธรรมและคำแนะนำจากทนายไพศาลให้ช่วยดูเรื่องนี้และเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนผิดมาดำเนินคดี” ขณะที่ฝ่ายชายได้ให้ข้อมูลว่า “ไม่อยากเลิกกับฝ่ายหญิง พยายามรั้งแล้วทำทุกวิถีทาง โดยพ่อของตนถูกโกงเงินค่ารับเหมาก่อสร้าง จึงไม่เงินเพียงพอมาจัดงานแต่งและค่าสินสอด ซึ่งขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้ ถ้าพ่อดูข่าวอยู่ ขอให้พ่อรีบติดต่อกลับ เพื่อที่จะนำเงินมาชดใช้ จะมีมากหรือน้อย ขอให้มาคุยกัน”