รวบ CEO บริษัทมหาชน ฝ่าฝืนไม่จัดทำและส่งงบการเงิน เจ้าตัวอ้างถูกนำบัตรประชาชนไปใช้
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย ร.ต.อ.สุรพันธุ์ ตาขันทะ, ร.ต.อ.ธนชัย พจน์โพธิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ท.ชัยวิทย์ ศรจิตต์ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ., ส.ต.อ.เจนภพ เตมิราช ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ. ตามหมายจับ 1. ศาลอาญา ที่ 3777/2567 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2567 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บริษัทฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่จัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณธกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด
2. ศาลอาญา ที่ 3779/2567 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2567 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทมีหน้าที่สั่งการหรือกระทำการใดๆ เพื่อให้บริษัทจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด แต่บริษัทฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่จัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด สถานที่จับกุม บริเวณซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ 30 ตำบลบางแคเหนือ อำเภอบางแค กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.3 บก.ปอศ. ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ซึ่งมี นายทรงฤทธิ์ฯ (ปัจจุบันหลบหนี) และนายไพวัลย์ (ผู้ต้องหารายนี้) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ในความผิดฐาน บริษัทฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่จัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณธกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด และความผิดฐาน เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทมีหน้าที่สั่งการหรือกระทำการใดๆ เพื่อให้บริษัทจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด แต่บริษัทฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่จัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนประกาศกำหนด ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีหน้าที่ต้องส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งยังเคยเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (Warrant) แม้ภายหลังตลาดหลักทรัพย์ได้เพิกถอนหุ้นสามัญของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนแล้ว แต่ปรากฏว่ายังคงมีผู้ถือหุ้นจำนวนกว่า 1,124 ราย (เกินกว่า 100 ราย) จึงมีหน้าที่ต้องจัดทำและนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 และรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 แต่เมื่อครบกำหนด ผู้ต้องหากลับเพิกเฉยไม่ได้ดำเนินการตามหน้าที่แต่อย่างใด
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ทราบว่า นายไพวัลย์ฯ หนึ่งในกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทมหาชนดังกล่าว ปัจจุบันได้หลบหนีมาพักอาศัยในพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จึงได้จัดกำลังเฝ้าติดตาม จนผู้ต้องหา เดินจูงจักรยานอยู่ในบริเวณซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ 30 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จึงได้เข้าสอบถามจนทราบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับ แจ้งสิทธิผู้ต้องหา และความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากการซักถามเบื้องต้นทราบว่า ได้ถูกนำบัตรประชาชนของตนเอง ไปสวมชื่อเป็นกรรมการบริษัทฯ ดังกล่าว โดยที่ตนเองประกอบอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง ได้ค่าจ้างเพียงวันละ 400 บาท และไม่เคยได้บริหารจัดการในบริษัทฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน