รวบหนุ่มขับกระบะคาด่านตรวจ หลังตรวจพบมีหมายจับ ปลอมเอกสารสิทธิเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทไปขาย

รวบหนุ่มขับกระบะคาด่านตรวจ หลังตรวจพบมีหมายจับ ปลอมเอกสารสิทธิเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทไปขาย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปรท.รอง ผบก.บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์, พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมประกอบด้วย ร.ต.อ.ธนะพงศ์ องอาจ, ร.ต.อ.สมศักดิ์ ทรัพย์เล็ก, ร.ต.อ.บุญธรรม สระสำราญ, ร.ต.ท.วรพงศ์ จั่นปาน, ร.ต.ท.จรัล ภู่สวัสดิ์, ร.ต.ท.กู้ศักดิ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา, ร.ต.ต.วิฑูรย์ เปลรินทร์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล., ด.ต.ไพศาล เจริญเรืองทรัพย์, ด.ต.สุเทพ จ้อยจิตต์, ด.ต.จิรวัฒน์ แตงจุ้ย,ด.ต.สยาม เปรมมล, จ.ส.ต.สราวุฒิ ประประจวบวัน, จ.ส.ต.ประเสริฐ พูลศิริ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายเสกสรรฯ อายุ 31 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ที่ 436/2566 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา “ปลอมเอกสาร (ทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งสวนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ), ยักยอกทรัพย์, ฉ้อโกง”

พฤติการณ์การจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตั้งจุดตรวจ บริเวณถนนพระรามที่ 2 ขาล่องใต้ ช่วงหลัก กม.ที่ 83+400 ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้พบรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ ขับเข้ามาที่จุดตรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าว สิ้นอายุภาษีเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ให้รถคันดังกล่าวจอดชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อออกคำสั่งพินัย ต่อมาเมื่อตรวจสอบในรถพบนายเสกสรรฯ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งจากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลพบว่า นายเสกสรรฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 436/2566 ของศาลจังหวัดกระบี่ และยังมีผลบังคับใช้ ซึ่งผู้ต้องหามีสถานะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้นายเสกสรรฯ ทราบ และทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และแจ้งว่าตนเองเคยเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่ง ตำแหน่งพนักงานขาย ต่อมาได้ร่วมกันกับเพื่อนซึ่งเป็นผู้ช่วยพนักงานขายสินค้า ปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงินของบริษัทฯ มูลค่า 174,797 บาท และใบกำกับภาษีโรงแรมแห่งหนึ่งมูลค่า 38,550 บาท เพื่อเบียดบังเอาทรัพย์สินและเงินสดของบริษัทฯ ไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัย ผู้ที่ปลอมเอกสารของผู้อื่น จะได้รับโทษทางอาญา “มาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ