รวบแก๊งหลอกลงทุนเหรียญ BTC/USDT ใช้หนุ่มหน้าตาดีเป็นตัวล่อ สุดท้ายเหยื่อโอนเงินหายไป 2.4 แสน

รวบแก๊งหลอกลงทุนเหรียญ BTC/USDT ใช้หนุ่มหน้าตาดีเป็นตัวล่อ สุดท้ายเหยื่อโอนเงินหายไป 2.4 แสน

สืบเนื่องจากขณะผู้เสียหายหญิงรายหนึ่งพักอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กปริศนาใช้ภาพโปรไฟล์เป็นผู้ชายหน้าตาดีแอดมาพร้อมกับทักข้อความมาขอเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะก็ได้พูดคุยกันจนเกิดความสนิทและชอบพอกัน จากนั้นได้มีการติดต่อกันทางแอปพลิเคชันไลน์ และได้นัดเจอกัน ที่สนามบินเชียงใหม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายได้เจอกับชายคนดังกล่าวจริงๆ และได้พูดคุยกันจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจจริงๆ

หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวได้เริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนในรูปแบบการเทรดเหรียญสกุลเงินดิจิทัล สกุล BTC/USTD โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนในอัตราสูง จึงให้ผู้เสียหายโหลดแอปพลิเคชันชื่อ “Monkey” และ “Binance” จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ตามขั้นตอน ต่อมาคนร้ายได้ส่งเลขบัญชีให้ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงิน และอาสาว่าจะทำหน้าที่ดำเนินการต่างๆในการเทรดเหรียญสกุลเงินดิจิทัลให้ โดยให้ผู้เสียหายทำหน้าที่เพียงแค่โอนเงินเข้าตามบัญชีที่ส่งให้

ต่อมาคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 2-3 ครั้งต่อวัน รวมทั้งสิ้น 240,000 บาท โดยล่าสุด คนร้ายอ้างว่ามีเงินอยู่ในเทรด จำนวน 52591.2530 USTD ซึ่งคนร้ายแจ้งว่าสามารถแลกเป็นเงินไทยได้ 2,200,000 บาท ซึ่งเป็นยอดที่คนร้ายอ้างว่ารวมกับที่คนร้ายร่วมลงทุนด้วย แต่เมื่อผู้เสียหายประสงค์จะถอนเงินทุนออกพร้อมกำไร คนร้ายกลับบ่ายเบี่ยงและอ้างว่ายังไม่สามารถถอนได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญช ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดได้แล้วหลายราย

กระทั่ง ช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ย.67 ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งชุดสืบสวนออกติดตามผู้ต้องหาในขบวนการที่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จำนวน 1 ราย จนสามารถจับกุมนางสาว ศิริลักษณ์ อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3815/2567 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ หมู่ 7 ตำบลโนนศิลา อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน  หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

เบื้องต้น นางสาวศิริลักษณ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เพียงแต่ยอมให้ข้อมูลว่า ตนเพียงแค่เปิดร้านรับซื้อเหรียญสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยให้ลูกค้าเอาเงินสดมาซื้อเหรียญ แล้วร้านจะโอนเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัลไปให้เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตาทมกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ