ยายปาดน้ำตา ธนาคารเตือนไม่ฟัง มิจฉาชีพบุกมาหาถึงบ้าน รู้ยอดเงินที่เสียไป ทั้งชีวิตของยายเลยนะ
วันที่ 4 ก.ย.2567 ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน มีมิจฉาชีพมาหลอกเอาเงินหญิงชรา อ้างลงทุนซื้อที่ดินได้กำไรงาม สุดท้ายต้องสูญเงินไปถึง 6 แสนบาทไปแจ้งความ 4 เดือนแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านผู้เสียหาย ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์
เมื่อไปถึงพบยายบุญสี อายุ 65 ปี นั่งอยู่ในบ้านสภาพเศร้า เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคน 4 คนขับรถมาจอดหน้าบ้าน เดินเข้ามาทำท่าเหมือนรู้จักกันถามหาคนนั้นคนนี้ บอกว่าจะไปไถ่ที่นามาขายได้กำไรเป็นล้าน แต่มีเงินมาเพียง 1 ล้านบาทขาดไป 8 แสนบาท ตอนแรกไม่ได้สนใจเพราะไม่เคยรู้จักกัน หนึ่งในนั้นได้มาจับแขนตนแล้วพูดชวนลงทุนด้วยกัน
ยายก็บอกไปว่าไม่เงิน มีทองหนักเพียง 3 บาทเท่านั้น สุดท้ายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยอมนั่งรถไปกับเขา พร้อมสมุดบัญชีธนาคารธกส.ซึ่งมีเงินอยู่กว่า 5 แสนบาท กลุ่มมิจฉาชีพให้ยายเข้าไปเบิกเงินเพียงคนเดียว แต่วันนั้นในธนาคารมีคนเยอะ จึงช้าพวกเขาก็โทรมาหายายหลายครั้งเพื่อจะเร่งเอาเงิน นานกว่าชั่วโมงกว่าจะได้เงินมา 5 แสนบาท ระหว่างที่กำลังรอเงินจากธนาคาร เจ้าหน้าที่ยังทักท้วงแล้วว่า ทำไมเบิกเงินไปเยอะระวังมิจฉาชีพนะ แต่ยายไม่สนใจยืนยันจะเบิกเงินบอกจะเอาไปลงทุน
ยายบุญสี ปาดน้ำตาเล่าต่อว่า พอได้เงินสดมา 5 แสนบาทก็เอาไปให้คนกลุ่มนั้นในรถ แต่เขาบอกว่ายังไม่พอจึงโอนไปให้อีก 1 แสนบาท รวมเป็น 6 แสนบาท วันต่อมาก็ยังติดต่อกันปกติ แต่ที่ดินยังไม่ได้โอนอ้างสารพัด จนกระทั่งลูกสาวรู้เรื่องบอกว่า แม่ไปแจ้งความ เพราะโดนหลอกแล้ว แต่ยายก็ยังไม่เชื่อจนกระทั่งมารู้ว่าผู้หญิงคนที่จะขายที่ดินไม่มีตัวตน
ล่าสุดโทรศัพท์ติดต่อได้แต่ไม่รับสายแล้ว จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ เงินทั้งหมดเป็นเงินเก็บไม่บอกให้ลูกรู้ หวังจะเอาไปทำบุญในบั้นปลายชีวิต ตอนเอาเงินให้กลุ่มคนร้ายยังบอกไปว่าเป็นเงินทำบุญยาย ผ่านมา 4 เดือนคดีไม่มีความคืบหน้า อยากให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะเบอร์โทรศัพท์ยังโทรติด หลักฐานการโอนเงินก็มี