เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ก.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ใกล้เคียงวัดตลาดเหนือ ม.3 ต.บางแขยง อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมประสานมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายณรงค์วิทย์ อายุ 45 ปี ถูกยิงที่กกหูซ้ายและนางชาดา อายุ 55 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่หน้าผาก ทั้งสองศพนอนเสียชีวิตอยู่บนรถจักรยานยนต์ และหน้าบ้านพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 3 ปลอก นอกจากนี้ กระสุนปืนยังไปถูกรถกระบะ ที่กระจกประตูข้างคนขับ 1 รูและกระจกแคป 1 รู

จากการสอบถามนางบุญชื่น อายุ 54 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเองกลับมาจากทำงาน 4 โมงเย็นและกลับมาถึงบ้าน 4 โมงครึ่ง เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ล้างของ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน ตอนแรกนึกว่าเสียงประทัด โดยตนเองอยู่ภายในห้อง ส่วนสามีนั่งอยู่ที่โต๊ะห้องโถง จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 - 5 นัด ก่อนที่ตนเองจะออกมาดู

ก็พบว่าลูกชายเดินเข้ามาภายในบ้าน โดยตนเองพยายามจะกอดเขาไว้ แต่ลูกชายได้เข้ามาเอารถจักรยานยนต์ขี่ออกไป พร้อมอาวุธปืน โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้มาทะเลาะกับตนเองที่หน้าบ้าน หาว่าตนเองไปดุว่าแมวของผู้เสียชีวิต ทั้งที่ ตนเองไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเลย ไม่ว่าจะทำอะไร

เขาก็ชอบมาบ่นว่า บางทีลูกชายนั่งกินหน้าบ้านก็จะด่าว่า หาว่าเกะกะ คาดว่าลูกชายคงรำคาญหรือโมโห ซึ่งผู้เสียชีวิตทะเลาะกับตนเองตั้งแต่ปี 2549 ตั้งแต่เริ่มปลูกบ้านเลย เพราะผู้เสียชีวิตหาว่าตนเองไปล้ำเขตกัน เคยมาทะเลาะบ่นด่าทุกวัน

ส่วนนายวรเทพ อายุ 28 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเองเป็นลูกแม่ที่ถูกยิงเสียชีวิต ส่วนผู้ชายนั้นเป็นพ่อเลี้ยง ตนเองทำงานอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี และไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดเหตุ จนกระทั่ง น้าได้โทรศัพท์ไปบอกว่าแม่ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว จึงมาดูที่เกิดเหตุ

ทางด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตมีการเลี้ยงแมวและแมวได้ไปถ่ายที่หน้าบ้านของผู้ก่อเหตุ โดยมีการราดน้ำมา มันก็กระเด็นจนมีปากเสียงกัน โดยลูกชายอายุ 30 ปีอารมณ์ร้อนเพราะถูกด่าบุพการี จึงโกรธแค้นแทนแม่ จึงชักอาวุธปืนออกมายิงก่อนจะหลบหนีไป

ล่าสุด ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุได้สารภาพว่า ได้กระทำการก่อเหตุจริง เพราะแค้นที่ผู้เสียชีวิตชอบมาด่าว่าแม่ตัวเอง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างคุมตัวสอบเข้ม ก่อนจะดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป