ราเชน ไล่บี้ 2 อดีต สส.ก้าวไกล ปูอัด-แจ้ เข้าพรรคใหม่ หลังถูกขับออก ผิดหรือไม่ จี้ กกต.ตรวจสอบ
วันที่ 3 กันยายน 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ เข้ายื่นหนังสือถึง นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมือง ที่รับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกขับออกจากพรรค เข้ามาสังกัดอยู่ในพรรค ว่าผิดหรือไม่
นายราเชน ระบุว่า จากกรณี นายไชยามพวาน (ปูอัด) มั่นเพียรจิตต์ สส.เขต 26 กรุงเทพมหานคร และนายวุฒิพงษ์ (แจ้) ทองเหล่า สส.เขต 2 จ.ปราจีนบุรี ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เนื่องจาก ถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ซึ่งถือว่ากระทำความผิดวินัยและจริยธรรมอย่างร้ายแรง และต้องหาพรรคใหม่สังกัด เพื่อคงสถานะการเป็น สส.
แต่ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าทั้งสองกระทำความผิด แต่ 2 พรรค คือ พรรคไทยก้าวหน้าและพรรคชาติพัฒนา ยังรับบุคคลที่กระทำผิดเช่นนี้เข้าพรรค เพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่า มี สส.สังกัดพรรค เพื่อเป็นตัวแทนประชาชนได้อย่างไร
จึงขอตั้งคำถามต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ และพรรคการเมืองที่รับ สส.ที่ถูกขับดังกล่าว มีความผิดด้วยหรือไม่
"ตามที่ปรากฏ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ตามคำปรารภที่ว่า รัฐธรรมนูญนี้วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัด การทุจริตและประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เด็ดขาด เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล เข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง หรือใช้อำนาจตามอำเภอใจ จึงบัญญัติคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98"
นายราเชน ย้ำว่า ตนเองไม่ใช่นักร้อง หากเป็นนักร้องต้องมาร้องตามกระแส แต่ประเด็นนี้ทอดเวลาไปนานแล้ว และเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม ขอทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในฐานะพรรคการเมือง ที่สามารถตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่เฉพาะคนในฟากฝั่งของพรรคก้าวไกลเดิม หรือปัจจุบัน คือ พรรคประชาชนเท่านั้น แต่เห็นว่าการกระทำที่เกิดขึ้น ไม่เหมาะสม ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ต้องการให้เป็นบรรทัดฐานที่ดีทางการเมือง ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว แต่มันคือ 'หน้าที่'
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร หลังจากศึกษาดูแล้ว และตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะเช่นนี้อาจเข้าข่ายความผิด อย่าลืมว่า การจะรับใครเข้ามาสังกัดพรรคนั้น จะต้องผ่านมติคณะกรรมการบริหารพรรค ลักษณะเช่นนี้ หากผิด ก็เข้าข่ายโดยยุบพรรค
ซึ่ง กกต.ต้องเร่งพิจารณา จะผิดหรือไม่ผิดอย่างไรต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจ ปัจจุบัน มีพรรคการเมืองมากกว่า 70 พรรค และมีพรรคการเมืองที่มี สส.เพียงไม่กี่พรรค จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้เกิดบรรทัดฐานว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้
ในระยะอันใกล้นี้ มั่นใจว่า จะมีการยุบพรรคการเมืองอีกไม่น้อยกว่า 2-3 พรรค ซึ่งหลังจากยุบแล้ว จะต้องมี สส.วิ่งเข้าหาเข้าสังกัดพรรคการเมืองอื่นกันอีก กกต.จึงควรดำเนินการเพื่อให้เกิดบรรทัดฐานที่ดี" นายราเชน ตระกูลเวียง กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งคน ทั้งพรรค ไร้จรรยาบรรณ ประเทศชาติจะเสียหาย ด้านนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต สส.และ สว.จังหวัดยโสธร เปรียบเทียบ สส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน เหมือนกับ 'พระ' ซึ่งจะต้องถือศีลมากกว่าเณร หรือบุคคลปกติทั่วไป กล่าวคือ บุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่หรือดำรงตำแหน่งในทางการเมือง จะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน คนที่มาเป็น สส.กลับทำตัวที่ไม่เหมาะสมเสียเอง เช่น สังกัดพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่กลับไปมีความสัมพันธไมตรีกับอีกพรรคการเมืองหนึ่ง จนสังคมรับรู้ได้ว่าไปรับเงินพรรคการเมืองนั้นมา
ยกตัวอย่าง พรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มี สส.ทั้งหมด 6 คน แต่ไปให้ใจกับพรรคอื่นทั้งหมด แม้พรรคเองมีบทลงโทษในเรื่องจริยธรรมร้ายแรง หลังจากนี้ ต้องวิ่งหาพรรคการเมืองอยู่ ถามว่าตัว สส.และพรรคการเมืองที่จะรับเข้าไปนั้น มีจรรยาบรรณหรือไม่ ผลกระทบจะตกไปอยู่ที่พี่น้องประชาชน จะเกิดความเสียหายอย่างมาก เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น คณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีบทบาทในการกลั่นกรองตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามา โดยเฉพาะเรื่องของจริยธรรมถือเป็นสำคัญ
กกต.เองก็มีฝ่ายกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่า การทำงานของ กกต.ชุดนี้ ไม่มีความขยันเอาเสียเลย หากปล่อยไว้เช่นนี้ จะเกิดความเสียหายขึ้นอย่างมาก โดย 1 ใน 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย มี สส. จ.ยโสธรอยู่ด้วย การกระทำเช่นนี้คนทั่วไปมองว่า ไปรับเงินมาหรือไม่ หากไม่ได้รับมาแล้วจะคลานไปอยู่กับเขาทำไม หากพรรคไหนที่รับบุคคลเหล่านี้เข้าไป ก็แสดงว่ามีนิสัยที่ไปซื้อลูกชาวบ้านเข้ามาอยู่กับตัวเอง การรับคนเหล่านี้เข้ามาก็เท่ากับไร้จริยธรรม หมดค่าในสายตาประชาชน ชาวบ้านก็ไม่อยากจะยกมือไหว้"
นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ยังแนะนำบรรดา สส. ให้มองนายชวน หลีกภัย เป็นตัวอย่าง หากพูดถึงคนใต้ ก็ต้องนึกถึงท่าน ยอมรับประเทศไทยนี้มีเพียงคนเดียวที่ไม่ซื้อเสียง และไม่เคยสอบตก ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนตัวเห็นว่าหากยังคาราคาซังกันอยู่แบบนี้ ทุกอย่างก็จะจบ วันนี้ นายชวนต้องรีบตัดสินใจ ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง แต่อยู่ที่ตัวบุคคล หากนายชวน ย้ายไปอยู่พรรคไหน พรรคนั้นเกิดแน่นอน
สส.ทั้ง 4 คนของประชาธิปัตย์ ทั้งนายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี ควรตัดสินใจ พรรคประชาธิปัตย์ใครอยากได้ก็ให้เขาไป หากกอดคอกันไป ท่านที่ไม่เคยสอบตก ก็จะสอบตกในคราวนี้อย่างแน่นอน ควรที่จะไปสร้างพรรคการเมืองใหม่จะดีกว่า" นักการเมืองคนดัง กล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน