ผู้เสียหาย ร้อง ทนายตั้ม อ้างถูก ตำรวจระดับผกก.สืบ กลั่นแกล้งโยงคดียาเสพติด เหตุขัดแย้งธุรกิจบ่อนไก่
วันที่ 28 ส.ค. 67 กลุ่มผู้เสียหาย 5 คน เข้าร้องเรียนกับทนายตั้ม ษิทธา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โดยอ้างว่าถูกนายตำรวจยศ รอง ผกก.สืบสวน กลั่นแกล้งให้รับโทษในคดียาเสพติด
นายษิทธา กล่าวว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจจัดงานอีเวนท์และขายของออนไลน์ ยอมรับว่าช่วงปี2551-2552 เคยต้องโทษคดียาเสพติดจริง แต่หลังจากพ้นโทษออกจากเรือนจำปี 2553 ก็ไม่ได้มีความยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเลย แต่ปรากฏว่า กลุ่มผู้เสียหายได้มีปัญหากับตำรวจสืบจังหวัดนายหนึ่งที่เปิดบ่อนไก่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ่อนไก่อีกเจ้าหนึ่ง ทำให้ถูกกลั่นแกล้งไปด้วย โดยการนำทะเบียนราษฎร์ไปให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเซ็นสร้างหลักฐานเท็จ เชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับยาเสพติดที่จับกุมได้
นายษิทธา กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้เช็คกับตำรวจในพื้นที่ของโรงพักแห่งหนึ่งที่นายตำรวจคนนี้สังกัดอยู่ ยอมรับกับตัวเองว่า มีการกลั่นแกล้งให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติดและฟอกเงิน เซ็นทะเบียนราษฎร์เพื่อนและคนใกล้ชิดเจ้าของบ่อนได้รวม 11 คน ให้เข้าไปเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดจริง
ด้าน นายวัชรินทร์ ผู้เสียหาย เผยว่า มูลเหตุที่ถูกกลั่นแกล้งนอกจากเรื่องที่เพื่อนกับเจ้าของบ่อนไก่คู่แข่งทางธุรกิจของรองผู้กำกับสืบสวนแล้ว และอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่า เป็นเพราะตัวเองเคยพาคนไปร้อง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบรองผู้กำกับสืบสวนคนนี้ในความผิดฐาน ม.157 เนื่องจากได้ข้อมูลจาก “นายแสงระวี” น้องที่รู้จักกัน เล่าว่า 17 พ.ค.67 ถูกหมายจับคดีฟอกเงิน และ พบยาเค จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางรองผู้กำกับสืบกลับให้เซ็นทะเบียนราษฎร์กล่าวหาตัวเองแลกกับการไม่ดำเนินคดียาเสพติด เมื่อนายแสงระวี ถูกปล่อยตัวจึงมาเล่าเหตุการณ์ให้ตัวเองฟัง ตัวเองจึงพาไปร้องเรียนกับทาง ป.ป.ช.
ต่อมา ปรากฏว่า รองผู้กำกับสืบสวน ยังคงกลั่นแกล้งตัวเองต่อเนื่อง ทราบว่า สามีนางวันเพ็ญคนในชุมชน ถูกจับกุมคดีฟอกเงิน และบังคับให้เซ็นกล่าวหาตัวเองและพวกร่วม 3คน จนท้ายที่สุดพี่ชายถูกหมายจับ ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด และร่วมคบคิดกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยไปร้องเรียนกับผู้การจังหวัดสมุทรปราการแล้วถึงสองครั้ง บอกเพียงว่าจะเคลียร์ปัญหาให้ และไม่ให้ออกสื่อใดๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ให้ความช่วยเหลือในวันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียนทนายตั้ม
นายษิทธา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจหลายล้านบาท ไม่สอดคล้องกับ ข้อกล่าวหาที่ว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ขายกำไรเม็ดละ 10-20 บาท ซึ่งเบื้องต้นตัวเองมี คลิปเสียงในตำรวจที่เป็นพยานได้ว่ากลุ่มผู้เสียหายถูกกลั่นแกล้งจริงโดยในวันนี้จะพาตัวพี่ชายของผู้เสียหายไปมอบตัวที่ตำรวจสอบสวนกลาง และขอให้โอนสำนวนมาที่สอบสวนสวนกลางด้วย เพราะมองว่าหากพาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน