รวบสาวบัญชีม้า เครือข่ายตุ๋นนักธุรกิจลงทุน 3.7 ล้าน อ้างสมัครแอดมินเว็บพนัน กลับโดนหลอกไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปต ซ้ำขัดขืนจนถูกช็อตไฟฟ้าเจ็บ

รวบสาวบัญชีม้า เครือข่ายตุ๋นนักธุรกิจลงทุน 3.7 ล้าน อ้างสมัครแอดมินเว็บพนัน กลับโดนหลอกไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปต ซ้ำขัดขืนจนถูกช็อตไฟฟ้าเจ็บ

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นชายนักธุรกิจสูงวัยได้หลงเชื่อคนร้ายที่สร้างเพจปลอมหลอกโอนเงินลงทุนหุ้น โดยอ้างว่ามีนักลงทุนมืออาชีพคอยแนะนำ และยังสร้างความน่าเชื่อถือโดยเปิดบัญชีรับโอนเป็นบัญชีรูปแบบนิติบุคคลในชื่อบริษัทจำกัดจำนวน 2 บัญชี และชื่อบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 2 บัญชี ซึ่งผู้เสียหายได้หลงเชื่อจึงโอนเงินไปจำนวน 9 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 เดือน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 3.7 ล้านบาท

ภายหลัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนสอบสวน จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย กระทั่งเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ส.ค.67 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุม 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ โดยทราบว่าหลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัว น.ส.นุภาพร อายุ 27 ปี ชาว จ.ตรัง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3788/2567 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.12 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผู้ถูกจับอ้างว่า เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 ตนไม่มีงานทำจึงเข้าไปค้นหางานตามเพจเฟซบุ๊กและกลุ่มหางานชลบุรี ต่อมาได้มีบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ทักแชทมาเสนองานแอดมินเว็บพนันออนไลน์ โดยให้ไปทำงานที่กรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตนจึงตอบตกลง

ต่อมาทางนายจ้างได้ให้ตนเปิดบัญชีธนาคารจำนวน 4 บัญชี บัญชีละ 1 ธนาคาร และพาขึ้นรถจากชลบุรีเพื่อเดินทางไปยังบริเวณตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นได้มีชายชาวกัมพูชาพาเดินทางข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ และได้มีรถจักรยานยนต์มารับไปส่งที่บริเวณ ประตูสีฟ้า ของตึก 3 ชั้นแห่งหนึ่งในกัมพูชา เมื่อเข้าไปด้านใน พบว่ามีคนไทยจำนวน 13 คน ถูกขังอยู่ภายในห้อง

ต่อมาตนก็โดนบังคับให้อยู่แค่ภายในห้อง คอยทำหน้าที่สแกนใบหน้าเพื่อโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารอื่น โดยได้รับอนุญาตให้รับประทานอาหารแค่ 2 มื้อต่อวัน ในช่วงเวลาเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. โดยมีชายชาวจีนเป็นหัวหน้าคอยควบคุม โดยภายในห้องทำงานยังมีคอมพิวเตอร์อีกจำนวนกว่า 10 เครื่อง แต่ตนก็ไม่ทราบว่าคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเอาไว้ใช้ทำอะไร

ภายหลังตนเริ่มทนไม่ไหวเนื่องจากไม่เคยได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้าง ทั้งยังถูกบังคับให้อยู่แค่ภายในห้องและรับประทานอาหารแบบอดๆ อยากๆ จึงเริ่มขัดขืนและต่อต้านผู้ควบคุม สุดท้ายจึงโดนผู้ควบคุมใช้เครื่องช๊อตไฟฟ้าช๊อตจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ตนจึงลองแจ้งขอความช่วยเหลือกับทางสถานทูตไทยผ่านทางเฟซบุ๊ก และ 1 สัปดาห์ต่อมา ตนและคนไทยที่ถูกคุมขังอีก 13 คน จึงได้รับการปล่อยตัวออกมา โดยถูกปล่อยให้เดินเท้าข้ามชายแดนระยะทางกว่า 3 กม. เพื่อกลับเข้ามาประเทศไทยบริเวณตลาดโรงเกลือ จนกระทั่งมาถูกจับกุมในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ