พ่อร้อง สายไหมต้องรอด หลัง ลูกชายอายุ 14 ปี  พลัดตกที่สูง ด้านโรงเรียนให้การช่วยเหลือไม่เหมาะสม ประวิงเวลารอให้คนสั่งการเกษียณอายุราชการ แล้วให้ครอบครัวไปฟ้องร้องเอาเอง

พ่อร้อง สายไหมต้องรอด หลัง ลูกชายอายุ 14 ปี พลัดตกที่สูง ด้านโรงเรียนให้การช่วยเหลือไม่เหมาะสม ประวิงเวลารอให้คนสั่งการเกษียณอายุราชการ แล้วให้ครอบครัวไปฟ้องร้องเอาเอง

วันที่ 19 ส.ค. 67 นายจันทร์ดี สมสาร์ อายุ 40 ปี บิดาของเด็กชายเอ ( นามสมมุติ ) นักเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ใน อำเภอ กันทรลักษณ์ จังหวัดศรีษะเกษ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม หลังถูกครูใช้ไปทำความสะอาดอาคาร ชั้น 2 ตรงระเบียงกันสาด โดยการปีนหน้าต่างออกมาทำความสะอาดระเบียง สุดท้ายลูกชายพลัดตกลงมาแขนหักผิดรูปทั้ง 2 ข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผอ.โรงเรียน อ้างว่าสาเหตุที่ต้องทำความสะอาดเร่งด่วนเพราะจะมีผู้บริหารมาตรวจเยี่ยมและประเมินโรงเรียน แต่ทางโรงเรียนกลับไม่ให้การช่วยเหลืออย่างเหมาะสม

ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00-10.00 น.มีเพื่อนนักเรียนโทรมาบอกพ่อให้ไปที่โรงเรียน เนื่องจากด.ช.เอ ตกจากที่สูงได้รับบาดเจ็บ เมื่อไปถึงก็เห็นลูกนอนโอดโอยร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ใต้อาคารจึงรีบนำตัวส่งรพ. โนนคูณ เบื้องต้นจากการเอ็กเรย์มีอาการสาหัส จึงส่งต่อไป รพ.กันทรลักษณ์ โดยทาง รพ.ได้ผ่าตัดอาการบาดเจ็บที่แขนสองข้างเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2566 โดยแขนขวากระดูกหักสองท่อน แขนซ้ายหักสามท่อน กระดูกไหปลาร้าร้าว จากนั้นก็ออกจากห้องผ่าตัดมาพักฟื้นที่ รพ.จนถึง 1 มีนาคม 2566 ระหว่างนั้นทางคณะครูได้ไปเยี่ยม และสั่งให้ลบคลิปเหตุการณ์ทั้งหมด และให้เงินช่วยเหลือ 2,000 บาท จากนั้นก็มาพักฟื้นที่บ้าน คณะครูมาเยี่ยมพร้อมกับนำข้อสอบมาให้ทำเพื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และให้เงินชดเชยอีก 3,000 บาท

จากนั้นทางพ่อก็ได้ไปสอบถามครูที่โรงเรียนเกี่ยวกับการเยียวยาช่วยเหลือ แต่การเจรจาไม่เป็นผล ต่อมาครั้งที่สองทางคณะครูมาเจรจาที่บ้าน เพื่อให้ช่วยเหลือโรงเรียนขอไม่ให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีโดยจะจ่ายเงินชดเชยจำนวน 200,000 บาท โดยจะจ่ายงวดแรก 100,000บาท เดือนเมษายน 2566 และงวดที่สองอีก 100,000 บาท เดือน ธันวาคม 2566 แต่ปรากฎว่าเมื่อถึงเวลางวดแรกจ่ายเพียง 80,000 บาท ต่อมาทางครอบครัวมีการทวงถามกับ ผอ.โรงเรียน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเดือนธันวาคม ที่ครบกำหนดจ่ายครั้งที่สอง ทาง ผอ.อ้างว่าให้ไปติดต่อกับทาง รองผอ.ที่เป็นคนสั่งเนื่องจาก รองผอ.จะเกษียณอายุราชการจะได้นำเงินเกษียณมาเยียวยา และหากไม่สามารถเจรจาได้ก็ให้ไปฟ้องร้องกับ รอง ผอ.เอง อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุจึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ปรากฎว่าครอบครัวของผู้เสียหายมีภาพถ่ายว่า ผอ.อยู่ในที่เกิดเหตุทำให้ ผอ.ไม่ยอมเจรจาด้วย

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน เรื่องแรกคือคดีอาญาเนื่องจากรองผอ.เป็นผู้สั่งการให้ไปทำความสะอาดจะต้องถูกดำเนินคดี ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพื่อเยียวยา ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ให้ศาลฯใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาลงโทษ เพราะที่ผ่านมาครอบครัวต้องเอาที่ดินไปจำนอง เพื่อนำเงินมารักษาลูกชาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนตัวมองว่าเป็นการประวิงเวลาเพื่อให้รองผอเกษียณอายุราชการไปเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว รอง ผอ.จะต้องถูกดำเนินคดี จึงอยากให้ออกมารับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ