แกนนำพรรคประชาชนร่วมปูพรมหาเสียงช่วย ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์
วันที่ 17 สิงหาคม 2567 ที่ จ.ราชบุรี แกนนำพรรคประชาชน ร่วมเดินสายพบปะประชาชนในหลายพื้นที่ของ จ.ราชบุรี ช่วยหาเสียงให้กับ ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ราชบุรี พรรคประชาชน เบอร์ 1
โดยในช่วงเช้าตรู่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ เขต 28 พรรคประชาชน ได้ร่วมหาเสียงกับชัยรัตน์ ที่ตลาดนัดวัดอมร อ.ดำเนินสะดวก กับประชาชนที่มาร่วมจับจ่ายซื้อขายในวันจ่ายเทศกาลสารทจีน โดยมีประชาชนและพ่อค้าแม่ขายให้ความสนใจในนโยบาย ตลอดจนเข้ามาร่วมพูดคุยให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
จากนั้น ในช่วงบ่าย ชัยรัตน์ พร้อมด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน และ ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ร่วมวงพูดคุยกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรใน จ.ราชบุรี เพื่อรับฟังปัญหาที่ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยต้องเจอในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาราคาหมูที่นิ่งมานานเมื่อเทียบกับต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ต้องเผชิญปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (AFS) ต่อเนื่องตามมาด้วยปัญหาหมูเถื่อน ซึ่งทั้งสองปัญหาแม้จะคลี่คลายลงไปแล้ว แต่ก็ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ราคาในปัจจุบันอีก
หลังการรับฟังปัญหา พิธาได้ซักถามเพิ่มเติมในหลายรายละเอียดพร้อมเสนอแนวคิดในสิ่งที่ อบจ. สามารถมีบทบาทได้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย โดยระบุว่าจากสถานการณ์ราคาในปัจจุบัน สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ โดยสิ่งที่ทำได้ในระยะสั้นและระยะกลางเลยก็คือการเร่งเพิ่มรายได้ ส่วนเรื่องการลดต้นทุนนั้นเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่และอำนาจผูกขาด ที่ต้องอาศัยการแก้ปัญหาในโครงสร้างระดับใหญ่ต่อไป ซึ่งเพื่อน สส.พรรคประชาชนของตน กำลังออกแบบผลักดันการแก้กฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ที่เปิดช่องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถมีเงื่อนไขจัดซื้อจัดจ้างกับคู่สัญญาที่เป็นเอสเอ็มอีได้ง่ายกว่าบริษัทรายใหญ่ เป็นต้น
โดยการเพิ่มรายได้คือสิ่งที่สามารถทำได้เลย และอยู่ภายใต้อำนาจของ อบจ. ในระยะสั้นก็คือการเป็นตัวกลางประสานกับทั้งเอกชน ภาคการท่องเที่ยว และหน่วยงานในสังกัด เพื่อหาฐานลูกค้าใหม่ให้กับเกษตรกรภายในจังหวัดราชบุรี ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล และโรงแรม ส่วนระยะกลางคือการหาทางสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า หาจุดเด่นที่แตกต่างจากเจ้าใหญ่ จากนั้นระยะยาวก็เป็นเรื่องที่ต้องมาคิดต่อในขั้นตอนของการแปรรูป
ทางด้านชัยรัตน์ ระบุว่าหนึ่งในนโยบายที่ตนและพรรคประชาชนนำเสนอสำหรับ อบจ.ราชบุรี คือเรื่องของการหาวัตถุดิบอาหารกลางวันมาจัดสรรให้กับหน่วยงานในสังกัด อบจ. ที่มีความต้องการ โดย อบจ. สามารถเข้ามาอุดหนุนงบประมาณได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้กับเกษตรกรโดยตรง และ อบจ. เองก็ยังสามารถมีบทบาทได้มากกว่านั้น ไม่ว่าจะด้วยการร่วมลงทุน สร้างโรงงานแปรรูป หรือการสนับสนุนในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาตนและทีมงานได้เคยพูดคุยกับผู้ประกอบการหอการค้ารุ่นใหม่ (YEC) ใน จ.ราชบุรี พบว่ามีแนวคิดที่น่าสนใจในการทำให้ราชบุรีมีหมูสายพันธุ์เฉพาะเป็นของราชบุรีเอง ส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อย หรือผู้เลี้ยงหมูใต้ถุนบ้าน พัฒนาหมูของตัวเองให้มีคุณภาพแบบพรีเมียม มีอัตลักษณ์แบบเดียวกับคุโรบุตะของญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่มีแนวคิดและได้ทำการบ้านมาพอสมควรแล้ว แต่ยังขาดการเชื่อมโยงกับเกษตรกรโดยตรง ซึ่งจุดนี้เองเป็นสิ่งที่ อบจ. สามารถเข้ามามีบทบาทในการประสานเชื่อมโยงหลายองค์กรและหน่วยงานให้มารวมกันได้
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน