เจอร่างแล้ว หนุ่มใหญ่ดักลอบปลา พลัดตกน้ำโขง
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ นางแสง อายุ 49 ปี ชาวต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นายปัญญา อายุ 57 ปี สามี อดีตลูกจ้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงไปเก็บกู้ลอบที่ดักปลาเอาไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ปากน้ำห้วยป่าน หน้าบ้านพักตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองบึงกาฬ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ก่อนเกิดอุบัติเหตุพลัดตกเรือจมน้ำโขงหายไป
นางแสง กล่าวต่อว่า ต่อมาทั้งหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไล หน่วยกู้ภัยร่วมใจบึงกาฬ หน่วยกู้ภัยนทีธรรม อปพร.เทศบาลเมืองบึงกาฬ ตำรวจน้ำและหน่วยนรข.บึงกาฬ ร่วมกันงมหาร่างสามีอยู่ 2 วันก็ไม่เจอ ทั้งจุดดอกไม้ธูปเทียน ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนบานศาลกล่าวแล้ว ก็ยังไม่พบร่าง จึงยุติการค้นหา และแจ้งประกาศคนจมน้ำ หากผู้ใดพบเห็นบุคคลหรือร่างที่สวมใส่กางเกงขาสั้น ผ้าร่มสีดำ และเสื้อยืดสีเทา ก็ให้แจ้งด้วย
จนถึงเมื่อค่ำวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านน้อยลวงมอง ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่สามี ตกจากเรือในเขตอำเภอเมืองบึงกาฬ ไปประมาณ 130 กิโลเมตร ว่าพบศพผู้ตาย สวมใส่เสื้อผ้าคล้ายสามี ตามที่แจ้งไว้ จึงพาญาติๆ ขับรถตามไปดู ก็พบร่างสามีจริงๆ นับว่า ร่างสามีลอยไปไกลพอสมควร
นางแสง กล่าวว่า ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ท่านหนึ่งที่มาดูการงมหาร่างผู้สูญหาย บอกว่าปกติแล้ววันพระชาวบ้านจะหยุดฆ่าสัตว์หรือลงจับปลาในวันพระ ซึ่งก็ยึดถือเป็นประเพณีมาช้านาน แต่ทราบว่ารายนายปัญญาผู้ตาย ปักลอบดักปลาเอาไว้ 3 วันแล้ว เนื่องจากติดธุระไม่ได้ลงไปกู้สักที
วันเกิดเหตุจึงลงไปดูเรือด้วย เพราะคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนัก เกรงว่าเรือที่ผูกเอาไว้ริมตลิ่งจะถูกน้ำซัดพาหนี หรือน้ำซัดเข้าเรือ จะทำให้เรือจม จึงออกไปดูและกู้ลอบที่ดักปลา 4 หลัง เอามาเก็บไว้ด้วย ระหว่างเก็บกู้ลอบนั้นเชือกไนล่อนที่มัดลอบไว้คงขาด ทำให้เหลือเชือกที่มัดติดลอบ และทุ่นที่เป็นแกลลอนน้ำมันเก่าเท่านั้น
จังหวะที่เชือกขาด ทำให้ผู้ตายเสียหลักตกจากเรือ จมน้ำที่ไหลเชี่ยว ไหลวน และลึกเกือบ 3 เมตร จมหายไปกับกระแสน้ำ ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งก็เอาตัวไม่รอด และถูกกระแสน้ำพัดพาร่างไหลไปไกลข้ามจังหวัดไปไกลเกือบ 130 กิเมตรดังกล่าว ญาติจะทำการฌาปนกิจร่างผู้ตายในวันเสาร์ที่ 17 ส.ค.นี้ ที่วัดภูกระแต หรือวัดสามัคคีอุปถัมภ์ จ.บึงกาฬ