ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสร้างตัว สร้างกลุ่มลับขายคลิปหวิวเด็ก เจอหลักฐานนับแสนไฟล์ ฟันรายได้กว่า 3 หมื่นต่อเดือน

ตำรวจไซเบอร์รวบวัยรุ่นสร้างตัว สร้างกลุ่มลับขายคลิปหวิวเด็ก เจอหลักฐานนับแสนไฟล์ ฟันรายได้กว่า 3 หมื่นต่อเดือน

สืบเนื่องจาก กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. หรือ TICAC ได้สืบสวนทราบว่า มีผู้โพสต์โฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้ากลุ่มลับ ที่ใช้สำหรับเผยแพร่สื่อลามกอนาจารออนไลน์ จึงได้ให้สายลับทดลองเข้ากลุ่มดังกล่าว โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ดูแลกลุ่ม จากนั้นแอดมินได้ดึงเข้าแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มแบบปิด จำนวน 6 กลุ่ม ภายในกลุ่มพบข้อมูลสื่อลามกอนาจารของเด็กจำนวนมาก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. ส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนกรณีดังกล่าว โดยต่อมา ชุด TICAC สามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าค้นเป้าหมายที่คาดว่าเป็นบ้านของเจ้าของกลุ่มดังกล่าวได้สำเร็จ

กระทั่งช่วงเช้ามืด ของวันที่ 16 ส.ค.2567 พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมนำหมายค้นศาลจังหวัดพิจิตรที่ 535/2567 ลง 15 ส.ค.67 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ถนนปากทาง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร พบนายปองคุณ อายุ 20 ปี ชาวพิจิตร พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน สามารถตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน จำนวน 1 เครื่อง และคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง ภายในบ้านได้

จากการตรวจสอบข้อมูลภายในอุปกรณ์ของกลางดังกล่าว พบบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ที่ใช้เป็นแอดมินกลุ่มลับจำนวน 2 บัญชี ซึ่งเป็นกลุ่มลับที่ใช้เผยแพร่สื่อลามกอนาจารทั้งไทยและต่างชาติ มีทั้งที่เป็นผู้ใหญ่และเด็ก จำนวน 90 กลุ่ม นอกจากนี้ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ยังพบโฟลเดอร์ที่บันทึกวิดีโอคลิปและภาพลามกอนาจาร อีกมากกว่า 100,000 ไฟล์

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมนายปองคุณ ในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้”, “ครอบครอง และส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” และ “เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้าหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก”

เบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับว่า ตนเป็นเจ้าของกลุ่มลับจริง โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี คิดค่าบริการตามความต้องการของสมาชิกว่าจะเข้าร่วมกี่กลุ่ม เช่น หากต้องการเข้าร่วมทั้ง 6 กลุ่ม ต้องจ่ายค่าสมาชิก จำนวน 900 บาท หากต้องการเข้าเพียงบางกลุ่ม ตนก็จะลดราคาให้บ้างลดหลั่นกันไป โดยมีเรทขั้นต่ำสุด จำนวน 100 บาท ต่อ 1 กลุ่ม ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ตนมากถึง 20,000 – 30,000 บาท ต่อเดือน คาดว่าตลอด 2 ปี ทำเงินได้แล้วรวมกว่า 800,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ