เปิดขุมทรัพย์ เศรษฐา ทวีสิน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 โดยได้ยื่นเพิ่มเติมว่าตนพร้อม พ.ญ.พักตร์พิไล ทวีสิน คู่สมรส มีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 1,020,668,683 บาท และหนี้สิน 10,182,549 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 659,591,567 บาท แบ่งเป็น
เงินสด 1,000,000 บาท
เงินฝาก 68,986,558 บาท
เงินลงทุน 1,301,668บาท
ที่ดิน 158,400,000 บาท
โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 156,423,120 บาท
ยานพาหนะ 50,000,000 บาท
Aston Martin รุ่น DB5
สิทธิ์และสัมปทาน 87,539,563 บาท
ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 135,740,700 บาท
นาฬิกา 38 เรือน มูลค่า 127,953,100 บาท
หีบหลุยส์วิตตองXสุพรีม มูลค่า 6,000,000 บาท
พระเครื่อง-ตะกรุด 6 องค์ มูลค่า 1,622,600 บาท
สร้อยคอทองคำ 1 เส้น 165,000 บาท
แจ้งมีรายได้ต่อปี 253,636,771 บาท
เงินเดือนค่าจ้างและโบนัส 153,570,160 บาท
เงินบำนาญชราภาพ 45,694 บาท
เบี้ยประชุมและค่าวิทยากร 185,000 บาท
ดอกเบี้ย 13 บาท
เงินได้จากการขายกองทุน LTF 464,770 บาท
ส่วนแบ่งกำไรจากกองทุน LTF และ RMF 12,069 บาท
ผลประโยชน์จากการถือครอง-สินทรัพย์ดิจิทัล 825,402 บาท
เงินที่ได้จากสิ้นสุดสมาชิกภาพในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 65,200,328 บาท
บุตรให้รายปี 20,000,000 บาท
เงินชดเชยเกษียณอายุ 13,333,333 บาท
รายจ่ายต่อปี 51,630,957 บาท
หนี้สิน 9,732,579 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี
นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ยื่นเอกสารเพิ่มเติม โดยมีรายงานหนังสือมอบอำนาจ 3 ฉบับ และแบบคำขอและเอกสารประกอบพร้อมสำเนาจำนวน 14 ฉบับ เนื่องจากเพิ่มทราบว่ามีทรัพย์สินเป็นดิจิทัล ประเภทโทเค็นดิจิทัล ชื่อ SiriHubA จำนวน 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินฝากซึ่งเป็นจำนวน 197,048 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 199,956 บาท โดยเก็บรักษาไว้อยู่ที่ศูนย์ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัล ชื่อบริษัทอีอาร์เอ็กซ์ จำกัด จึงทำให้บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่เคลื่อนไหว ก่อนหน้านี้ยังไม่มีรายการทั้งสองแสดงไว้ จึงยื่นเพิ่มเติมเพื่อเกิดความถูกต้องครบถ้วน
ทั้งนี้ การยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายเศรษฐาที่ยื่นไว้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.66 ต่อสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,020,468,727 บาท และครั้งนี้มีทรัพย์สินเพิ่มเป็นเงินดิจิทัลโทเค็น 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินอีกจำนวนกว่า 197,048 บาท