พ่อหอบลูก 4 คนนั่งกินมาม่า ก่อนร้องขอความเป็นธรรมกองปราบฯ คดีที่โดนเจ้าของร้านทองชื่อดัง แจ้งจับฉ้อโกงกล่าวหาว่าเอาพระทองคำปลอมไปจำนำ
วันที่ 14 ส.ค.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหล จตุจักร กทม.นายเสวก หนูพิน อายุ 41 ปี อาชีพพ่อค้าขายของเก่าวัตถุโบราณ เดินทางมาพร้อมลูกๆ 4 คน อายุ 14 , 10 , 8 และ 5 ขวบ เพื่อร้องขอความยุติธรรมตำรวจกองปราบปราม เมื่อเห็นจ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ กำลังพาผู้เสียหายขอความช่วยเหลืออยู่จึงตรงเข้าขอร้องให้ช่วยคดีที่ถูกเจ้าของร้านทองชื่อดัง สะพานหิน จ.พิจิตร แจ้งความดำเนินคดีตนข้อหาฉ้อโกง
นายเสวก เปิดเผยว่า ตนประกอบอาชีพค้าขายของเก่าวัตถุโบราณต่างๆ เมื่อ 26 ก.ค.2566 ขณะที่ตนอยู่บ้านพัก 959/2 หมู่ 1 ตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ. ตะพานหิน จำนวน 5-6 นาย มาด้วยรถยนต์ 3 คัน แจ้งกับตนว่าเป็นผู้ฉ้อโกงร้านทองชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอตะพานหิน
โดยไม่บอกว่าฉ้อโกงร้านทองอย่างไร แถมไม่แสดงบัตรประจำตัวให้ดูและไม่ยอมให้ตนบันทึกภาพอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องแสดงมาให้ใดๆ ให้ดูพยายามจะเข้ามาภายในบ้านแต่ตนไม่ยอมให้เข้า ก่อนจะแจ้งว่าตนได้นำพระพุทธรูปทองคำ(รูปหล่อพระพรหม) น้ำหนัก 42.64 กรัม ไปจำนำไว้ที่ร้านทองสุวัฒน์ที่ตำบลตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ทางเจ้าของร้านทองได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ตะพานหิน ว่าตนได้นำพระพุทธรูปทองคำดังกล่าวเป็นพระทองคำปลอม
จากนั้นได้คุมตัวไป สภ. สะพานหิน เพื่อไปไกล่เกลี่ยกับเจ้าของร้านทองดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของร้านทองแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้องการที่จะให้ตนคืนเงินที่ตนเอาไปจำนำไว้ 60,000 บาท ถ้าตนไม่คืนตำรวจบอกจะออกหมายจับฐานฉ้อโกง แล้วตนจะต้องติดคุก ตนปฏิเสธว่าไม่ได้โกงร้านทองแต่อย่างใด ก่อนที่ตนเอาพระทองคำไปจำนำทางร้านทองได้เช็คก่อนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนเคยนำพระทองคำไปจำนำหรือขายให้กับทางร้านดังกล่าวมาแล้วหลายครั้งไม่เคยมีปัญหาอะไร
ตำรวจบอกว่าร้านทองเคยดูพระมานานแล้วต้องเก่งกว่า ก็ต้องรู้ว่าพระองค์นี้เป็นทองคำจริงหรือทองปลอมก่อนจะแนะนำว่าให้ตนนำเงินจำนวน 60,000 บาทที่จำนำไว้กับทางร้านมาคืนเจ้าของร้านทอง ซึ่งตนกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน มีหนี้สินที่กู้ยืมมาลงทุนค้าขาย ใช้จ่ายเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยวัย 80 ปี และลูกๆ อีก 4 คน แถมถูกโกงแชร์อีก ร่วมหนี้สินประมาณ 200,000 บาท จะต้องไปหยิบยืมขอคนรู้จักมาก่อนถึงจะนำมาทยอยผ่อนคืนได้ แต่ทางเจ้าของร้านทองปฏิเสธไม่ยอมให้ผ่อนชำระจะขอเงินคืนงวดเดียวจำนวน 60,000 บาทพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับตนฐานฉ้อโกง
แม่ตนทราบเรื่องได้ติดต่อ สท.(สมาชิกเทศบาลทับคล้อ) ที่รู้จักมาช่วยใช้ตำแหน่งประกันตัวให้ในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อตนประสบปัญหาการเงินภรรยาที่อยู่ด้วยก็หนีทิ้งภาระให้ตนเลี้ยงดูลูกๆ คนเดียว
เมื่อต้นจะไปขอสำเนาจับกุม พนักงานสอบสวนแจ้งมาว่าจะนัดตนไปส่งฟ้องศาลสัปดาห์หน้าแล้ว ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเจ้าทุกข์ที่เป็นเจ้าของร้านทองเป็น กต.ตร.สภ.แห่งนี้อยู่ หากพนักงานสอบสวนส่งฟ้องตนให้อัยการสัปดาห์หน้าเกรงว่าจะ ไม่ได้ประกันตัว เนื่องจากจับใช้ตำแหน่ง สท. ที่ใช้กันในชั้นพนักงานสอบสวน ไปประกันในชั้นศาลไม่ได้
ตอนนี้ต้องหารายได้ทุกวิถีทางเมื่อเดือนที่แล้วก็พาลูกสองคนขึ้นไปชกมวยบนเวทีได้ค่าชกมาสองคนรวม 700 บาท เนื่องจากตนเคยเป็นนักมวยเก่ามาเคยชกมาเมื่อ 20 ปีก่อนชกมวยในเวทีภาคเหนือ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ ใช้ชื่อ เกตุแก้ว เพชรวิเชียร รุ่น 60 กก.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าก่อนที่นายเสวก จะเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานสอบสวนได้นั่งกินมาม่ากับลูกๆ
นอกจากนี้นายโซวยังได้โพสต์ใน Facebook ส่วนตัวว่า“วันนี้พ่อพามาลำบาก5 คนพ่อลูกข้าว 1 ถุงกับข้าว 1 ถุง..สอนให้ลูกรู้ให้เรียนสูงๆอย่าได้เสียเปรียบใครพ่อขอใครสักคนลูกพ่อเป็นทนายให้พ่อดูก่อนตาย..ช่วยเหลือญาติพี่น้องไม่ให้โดนเอาเปรียบอย่างพ่อ..” และ“ผมมากรุงเทพฯไม่ได้มีเงินเยอะค่าน้ำมันก็ยืมพวกค่ากินเพื่อนที่สงสารก็โอนให้ไม่ได้เยอะ 100-200 บาทครั้งนี้เพื่อนๆก็รู้จะได้อยู่ดูแลลูกดูแลแม่หรือเปล่ายังไม่รู้หลายๆท่านทำไมต้องซ้ำผมด้วยตอนนี้” ด้วย
เบื้องต้น พ.ต.ท.กิตติ ไชโย รองสอบสวน .กก.4.บก.ป. ได้ ชี้แจงขั้นตอนในการประกันตัวชั้นศาล ให้นายเสวกในเรื่องหลักทรัพย์ เข้าใจจนเป็นที่พอใจ ก่อนจะโทร.ประสานไปทาง พ.ต.ท.ประทีป ไพบูลย์ สว.(สอบสวน) สภ. ตะพานหินผู้รับผิดชอบคดีนี้ เพื่อขอทราบความคืบหน้าทางคดี และแนะนำนายเศวต อ้างพยานหลักฐานที่มี เพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของตนเองต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน