ลุงขับซาเล้งตัดหน้ารถยนต์จนเกิดอุบัติเหตุ แต่คนขับรถยนต์กลับให้เงิน หลังได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังของลุง

ลุงขับซาเล้งตัดหน้ารถยนต์จนเกิดอุบัติเหตุ แต่คนขับรถยนต์กลับให้เงิน หลังได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังของลุง

วันที่ 13 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากนายรัตพงค์ คงเข็ม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจนครศรีธรรมราช ว่า มีลุงอายุ 63 ปี อาชีพเก็บของเก่า ถูกภรรยาทิ้งให้เลี้ยงลูกเล็ก 4 คน ที่บ้านเช่า หมู่ 8 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยคนโตเป็นลูกสาวอายุ 9 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป 3 โรงเรียนวัดศรีมงคล ส่วนคนที่ 2 เป็นลูกชาย อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีลูกสาวอีก 2 คน อายุ 2 ปี 6 เดือน และ อายุ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งครอบครับดังกล่าวกำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากรถซาเล้งเก็บของเก่าถูกรถยนต์ชนเสียหาย ไม่สามารถออกไปเก็บของเก่าขายหาเงินเลี้ยงครอบครับได้

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเช่าเลขที่ 207/3 หมู่ 8 ต.ปากพูน อ.เมือง พบนายอุทัย แซ่เตีย อายุ 63 ปี กำลังเลี้ยงดูลูกสาว อายุ 2 ปี 6 เดือน และ 1 ปี 6 เดือน โดยพบว่าในบ้านมีเศษเหล็ก กระดาษลัง และขยะรีไซเคิลวางระเกะระกาทั่วบ้าน นอกจากนี้ ยังพบว่าในบ้านมีเพียงข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในสภาพเก่า เช่น พัดลม 14 นิ้วที่ไม่มีฝาครอบ

โดยนายอุทัย เล่าว่า ตนเป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้ภรรยา อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนย้ายถิ่นฐานมาเช่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพเก็บของเก่าตามถังขยะขายเลี้ยงครอบครัว กระทั่งภรรยาของตน ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างหนัก ไม่เลี้ยงลูก แล้วหนีออกจากบ้าน ทิ้งลูก 4 คน ให้ตนเลี้ยงดูนานกว่า 1 ปีแล้ว ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ส.ค. ตนประสบอุบัติเหตุขณะขี่รถซาเล้งเร่เก็บของเก่า แล้วถูกรถยนต์ชนรถซาเล้งได้รับความเสียหาย บนถนนอ้อมค่าย บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงแรมชฎา จนรถซาเล้งได้รับความเสียหาย

แต่อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของตนเอง ที่ขี่รถซาเล้งข้ามเลนตัดหน้ารถยนต์ที่ขับมาทางตรง แต่โชคดีที่หลังเกิดเหตุคนขับรถยนต์ มีเมตตา ไม่เอาเรื่อง แถมยังให้เงิน 2,500 บาท เป็นค่าซ่อมรถซาเล้งที่เสียหาย ส่วนความช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น มีผู้นำท้องถิ่น และเทศบาลเมืองปากพูน ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินสิทธิเด็กแรกเกิด เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และได้รับนม แพมเพิส จากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และสหทัยมูลนิธิ แต่ยอมรับว่ายังไม่เพียงพอ เนื่องจากลูกทั้ง 4 คน ของตนอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน จึงต้องขี่รถซาเล้งเร่หาของเก่าขายหาเงินซื้อนม ให้เงินลูกไปโรงเรียนทุกวัน ยอมรับว่าตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

ขณะที่นางไหมมุน๊า เสมอภพ อายุ 62 ปี เจ้าของบ้านเช่า เล่าว่า ตนสงสารครอบครับนายอุทัย เพราะทราบว่าภรรยาทิ้งให้เลี้ยงลูกเล็ก 4 คน ตามลำพังนานกว่า 1 ปี แล้ว ส่วนตัวช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน และนมของเด็ก ๆ อยู่เหมือนกัน ส่วนค่าเช่าบ้านปกติเดือนละ 1,500 บาท ตนลดเหลือเดือนละ 1,000 บาท และยังผ่อนผันค่าเช่าได้ มีเงินค่าเช่าเมื่อไหร่ค่อยเอามาจ่ายก็ได้

ด้านนายรัตพงค์ คงเข็ม อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจนครศรีธรรมราช เล่าว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ส.ค.ตนได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถซาเล้ง บนถนนอ้อมค่าย บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงแรมชฎา จึงเดินทางไปตรวจสอบ และพบว่าผู้บาดเจ็บ เป็นนายอุทัย จึงให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ส่วนรถซาเล้งที่เสียหาย ทางนายศิริโชค บัวทองคำ อายุ 40 ปี เจ้าของอู่ทรัพย์ไฟศาลยางยนต์ ริมถนนอ้อมค่าย จะช่วยซ่อมรถซาเล้งให้กลับใช้งานได้ตามปกติ แต่อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากรถซาเล้งเสียหายมาก

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการประสานให้ความช่วยเหลือตามสิทธิตามขั้นตอนต่อไป สำหรับผู้ใจบุญที่ต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนายอุทัย สามารถโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081 0915008

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงาน

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ