อัจฉริยะ ร้อง ม.157 ผู้การ ปอศ. และลูกน้อง รวมถึง อธิบดีสรรมพากร

อัจฉริยะ ร้อง ม.157 ผู้การ ปอศ. และลูกน้อง รวมถึง อธิบดีสรรมพากร

วันนี้ (13 ส.ค 67) ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร , พล.ต.ต พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.บก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก. 2 บก.ปอศ ในข้อหา ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157 ที่มีส่วนเกี่ยงข้องกับการเอื้อประโยชน์ คดีน้ำมันเถื่อน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า การร้องทุกข์ครั้งนี้แบ่งเป็น 2 คดี โดยคดีแรกอธิบดีกรมสรรพากรไม่ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายสง่า หรือ โกฟุก ระนอง พ่อค้าน้ำมันเถื่อนที่ลักลอบนำน้ำมัน 1.8 หมื่นล้านบ้านเข้าไทยและส่งออกโดยเลี่ยงภาษี ทำให้ไทยได้รับความเสียหาย ซึ่งคดีของโกฟุก ทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ทำคดีและให้อธิบดีกรมสรรพากรเข้ามาแจ้งความ แต่ อธิบดีกลับเพิกเฉยเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายโกฟุก

ส่วนคดีที่ 2 ที่ร้องทุกข์ ผู้การ และ ผู้กำกับกอง 2 ของ บก.ปอศ.ในข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ที่ไม่ส่งตัวผู้ต้องหาแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ที่ถูกจับกุมบนเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ ของเสี่ยโจ้ ปัตตานี และ เสี่ยหนุ่ม เพชรบุรี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ให้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองควบคุมตัวตามขั้นตอน แต่กลับนำ ผู้ต้องหา ที่เป็นแรงงานประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดให้ไปเฝ้าเรือ ถือว่าเป็นการละเว้นการประฎิบัติหน้าที่ และเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา

นอกจากนี้นายนายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า ทั้ง ผู้การ และ ผู้กำกับกอง 2 ของ บก.ปอศ. มีที่เรียกรับผลประโยชน์จากเครือข่ายนายชาลี และนายอาเล็ก ขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ ที่ขายใบกำกับภาษีปลอมรายใหญ่ นำเข้าสินค้าเถื่อน และทัวร์จีนเถื่อน ทีมี เครือข่ายย่อย 3 เครือข่าย คือ เครือข่ายนายดรีม และ เจ๊ทราย ที่นำเข้าสินค้าเถื่อนจากจีน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มมีการจ่ายสินบนให้กับ รองจั๊ว สายตรงผู้การ ปอศ. และดาบอ้วน ลูกน้องมือขวายองรองจั๊ว และเครือข่ายดังกล่าวยังมีการเข้ามาทำห้องทำงานของผู้การ ปอศ.เพื่อเป็นสินบนอีกด้วย

และเครือข่ายที่ 3 คือนางแป้ง ที่ทำใบกำกับภาษีปลอมมีการถ่ายรูปมีการถ่ายรูปร่วมกับนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯกทม. เพื่อนำไปเพื่อนำไปแอบอ้างเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจของตนเองให้น่าเชื่อถือ ว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโตไม่มีทางถูกจับกุม ซึ่งทั้ง 3 เครือข่ายพบเงินหมุนเวียนกว่า หมื่นล้านบาท

ในช่วงท้ายนายอัจฉริยะ ยังท้าผู้การ ปอศ. หากตนเองพูดไม่จริงก็สามารถฟ้องกลับตนเองได้และซึ่งตนเองมีหลักฐานเป็น รายการเดินบัญชี ของลูกน้องผู้การ ปอศ.หลายพันใบ ซึ่งเข้าข่ายการทุจริตคอรัปชั่นและจะรายงานเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบและดำเนินการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ