สืบนครบาล รวบ หมีนักลักหรือจอมฉก ก่อเหตุลักทรัพย์ไม่หยุด พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อนทั่วหนองจอก มีนบุรี
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ, หัวหน้าชุดปฎิบัติการ ,ร.ต.อ.พงศกร อินทร์คง รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. และ จ.ส.ต.สัมฤทธิ์ แก้วสุริยา ผบ.หมู่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น ได้จับกุมตัว นายวุฒิภูมิ หรือหมี อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี จว.กรุงเทพมหานคร ต้องตามหมายจับ 1.ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1299/2566 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” 2.ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1058/2567 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน หมู่ 18 ถนนคุ้มเกล้า12 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี จว.กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ อดีตผู้ต้องขังคดีร่วมกันปล้นทรัพย์, พ.ร.บ.อาวุธปืนและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 หลังออกจากเรือนจำมา ได้ตระเวนลักทรัพย์สินชาวบ้านในหลายพื้นที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ได้เห็นประกาศข้อความขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านหนองจอก ว่าทรัพย์สินได้ถูกลักเอาไปเป็นจำนวนหลายรายการและสร้างความเสียหายให้แก่ชาวบ้านหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายวุฒิภูมิฯ เป็นผู้ก่อเหตุและติดตามตัวนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้
ตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดพบว่า นายวุฒิภูมิหรือหมี เคยต้องโทษในคดีอาญาจำนวน 3 คดี 1. ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย คดีปี 2551 สน.มีนบุรี 2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 คดีปี 2557 สน.คันนายาว 3. ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย คดีปี 2557 สน.คันนายาว
จากการซักถามนายวุฒิภูมิฯ ได้ให้การว่าก่อเหตุลักทรัพย์มาครั้งในพื้นที่มีนบุรีและใกล้เคียง แต่มักจะลักเอาทรัพย์สินที่มีราคาไม่สูงมาก เพื่อหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ติดตามตัวและไม่ให้ความสนใจ วิธีการก่อเหตุ จะสลับป้ายทะเบียนมอเตอร์ไซต์ไปมา อีกทั้งยังอำพรางตัวโดยใช้เสื้อวินมอเตอร์ไซต์และเสื้อสะท้อนแสงเพื่อลดความสนใจของตำรวจที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดอยู่ อีกทั้งยังแจ้งว่าถ้าตำรวจมาสุนัขที่เลี้ยงไว้จะเห่ากรรโชกทำให้ตนไหวตัวได้ทัน โดยหลังจากลักทรัพย์สินมาจะนำไปขายเพื่อนำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวันและซื้อยาเสพติดมาเสพ จากนั้นได้นำตัวส่ง สน.มีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า พฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุ นับว่าเป็นภัยสังคม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ออกตระเวนก่อเหตุลักเอาทรัพย์สินในหลายท้องที่ในเวลากลางวัน มีการวางแผน อำพรางตัวเจ้าหน้าที่ สร้างความเดือดร้อนในกับสังคมโดยรวมอย่างมาก หากไม่รีบจับกุมตัวอาจเป็นภัยสังคมที่ส่งผลให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวในวงกว้างได้ และขอฝากเตือนประชาชน ไม่ว่าสิ่งของไม่ควรประมาทวางสิ่งของทรัพย์สินไว้นอกบ้าน ไกลสายตา เพราะจะเพิ่มโอกาสในการก่อเหตุของมิจฉาชีพได้
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน