ทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ใน กทม.ยึดของกลางกว่า 24,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ 6 สิงหาคม 2567 พลตำรวจโทนิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ โดยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ รับข้อมูลจากสายลับว่ามีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อบัญชีว่า “33VAPE” จึงใช้ระยะเวลากว่า 1 เดือนสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้บ้านเลขที่ 1390/91 ซ.ชานเมือง 10 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เปิดเป็นสถานที่ซุกซ่อน และลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบ จำหน่ายให้กับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์และกระจายให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้เฝ้าติดตาม
จนพบนายภควัตหรือเมฆ อายุ 23 ปี นำกระสอบสีรุ้งใบใหญ่มาส่งมอบให้กับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มาจอดบริเวณหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมตรวจค้นภายในบ้าน พบของกลางเป็นพัสดุและอุปกรณ์เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก แบ่งเป็นหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 11,261 หัว, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 5611 ขวด, บุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 2750 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 454 เครื่อง, คอยด์ 4431 ชิ้นและเครื่องชาร์จจำนวน 37 เครื่อง รวม 24,544 ชิ้น มูลค่ารวมประมาณ 5 ล้านบาท และยังพบนางสาวภัคจิราหรือกิ้ฟอายุ 41 ปี ภายในบ้านพักด้วย จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางเพื่อดำเนินคดี ในความผิดตามมาตรา 246 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 ต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้ช่วยกันแพ็คบุหรี่ไฟฟ้าส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยมีนายอาร์มเป็นผู้สั่งของ ส่วนโกดังแห่งนี้เปิดดำเนินการมาแล้ว 1-2 ปี มีทั้งการสินค้าเข้าและจำหน่ายออก ถือเป็นรายใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดของกลางได้มากที่สุดภายในปีนี้ ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่จำหน่ายถูกกฎหมาย หลังจากนี้จะขยายผลเพิ่มเติมไปยังผู้สั่งการต่อไป หากประชาชนพบเบาะแสการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1599 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันพบว่าผู้ผลิตได้พัฒนารูปแบบบุหรี่ไฟฟ้าให้ไม่มีกลิ่นรบกวนรอบข้าง และทำบรรจุภัณฑ์ให้เป็นรูปตุ๊กตา เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่คือเยาวชน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้พัฒนาไปใช้สารเสพติดในรูปแบบอื่นเช่น เคตามีนได้ อีกทั้งปัจจุบันยังพบการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่หลายตามสถานบริการ สถานศึกษา ซึ่งได้ประสานงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้สร้างความตระหนักรู้ให้ กับครูในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างร่างกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้อำนาจหน้าที่ ของแต่ละหน่วยงานมีความชัดเจน ซึ่งการปรับแก้กฎหมายจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน