จับเจ้าหน้าที่ที่ดินพิจิตร โกงเงินค่าธรรมเนียมร่วมแสน กบดานจังหวัดชัยนาท 10 กว่าปี เกือบหมดอายุความ
ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ,พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ. ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำทีมงานออกสืบสวนกรณีมีการทุจริตค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดินในพื้นที่จังหวัดพิจิตร
ต่อมา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. พร้อมทีมงาน ปปท. ภาค 6 นำหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 รุดจับกุมตัว นางสาวหนึ่งฤทัย (สงวนนามสกุล) อดีตนักวิชาการที่ดิน ระดับปฏิบัติการ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ทุกประเภท ซึ่งต้องมีการประเมินค่าใช้จ่ายและออกใบสั่งให้กับประชาชนที่ไปทำธุรกรรมเพื่อไปชำระเงินกับเจ้าหน้าที่การเงินของสำนักงานที่ดิน แต่ละเว้นไม่ยอมออกใบสั่งดังกล่าวนั้นแสดงตนให้ประชาชนสำคัญผิดว่าตนเองมีอำนาจในการเก็บเงิน แล้วได้โกงเอาเงินไปใช้ส่วนตัว โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ ตำบลวัดสิงห์ อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีมาเป็นเวลานาน จนคดีเกือบจะหมดอายุความ 15 ปี
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4บก.ปปป. กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ และให้การเพิ่มเติมว่า ด้วยตนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในสำนักงานที่ดินจังหวัดพิจิตร สาขาอำเภอโพทะเล และในสำนักงานมีจำนวนเจ้าหน้าที่อยู่ไม่เกิน 10 คน จึงใช้โอกาสนี้และตำแหน่งหน้าที่ของตนเองซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการประเมินค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม และออกใบสั่งให้ไปชำระเงิน ทำทีว่าตนเป็นผู้มีหน้าที่ในการรับชำระเงินนั้นด้วย โดยไม่เคยนำส่งเงินดังกล่าวคืนรัฐแม้แต่บาทเดียว อ้างกับประชาชนที่มาทำธุรกรรมที่ดินว่าเดินเอกสารให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องใบเสร็จรับเงินจะดำเนินการตามไปภายหลังประชาชนบางคนไม่ใส่ใจใบเสร็จรับเงิน หลงเชื่อว่าเสร็จสิ้นตามกระบวนการแล้ว กลายเป็นเปิดช่องให้โกงหลายครั้งจนได้เงินไปใช้ส่วนตัวนับแสนบาท
นอกจากนั้นยังได้ให้การเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้ทำเพียงคนเดียว คนอื่นก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใครจับผิดได้ และอาจเป็นเพราะมีเพื่อนร่วมงานไม่พอใจตนด้วย ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ถึงกับร้องเรียนไปยังกรมที่ดินตรวจสอบ โผล่ชัดว่าทุจริตชัดเจน ทำเอกสารไม่สมบูรณ์ ผู้ต้องหาถูกไล่ออกจึงได้หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดชัยนาท โดยที่ยังไม่ได้ชดใช้เงินคืน ถูกออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จึงได้ร่วมกันสืบสวนจนพบตัว และทำการจับกุมในครั้งนี้โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 171)” ก่อนส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ดำเนินคดี
จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชน อย่าไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐมากจนเกินไปจนละเลยการรับใบเสร็จรับเงิน และควรที่จะขอใบเสร็จรับเงินทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับรัฐในทันที ถึงแม้ว่าประชาชนอาจไม่ได้นำใบเสร็จดังกล่าวไปใช้ต่อก็จริง แต่ถือเป็นการปิดช่องว่างในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐได้ ที่สำคัญเอกสารที่เราได้ดำเนินการไป จะได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามขั้นตอนกระบวนการอย่างแท้จริง จะได้ไม่ต้องมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบภายหลัง อันจะเป็นการเสียทั้งเวลา นอกจากนั้น หน่วยงานของรัฐก็ควรต้องมีการตรวจสอบทุกขั้นตอนกระบวนการให้เกิดความโปร่งใส เพื่อไม่ให้สูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจต่อหน่วยงานของรัฐที่ควรจะต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่งของประชาชน
หากพบการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โทร. 02-1919191, สายด่วน ป.ป.ช. 1205 (สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ), สายด่วน ป.ป.ท. 1206 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) และสายด่วน ป.ป.ง. โทร. 02-2193600 (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน