ลูกทรพี ฟันหัวแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตคาที่ โมโหที่โดนตามกลับบ้าน

ลูกทรพี ฟันหัวแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตคาที่ โมโหที่โดนตามกลับบ้าน

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เพจ ข่าวเพชรบุรี 24ชั่วโมง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ลูกทรพี ฟันหัวแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตคาที่ โมโหที่โดนตามกลับบ้าน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่ นำคนสนิทเข้าเจรจา ก่อนล็อคตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ (4 สิงหาคม 2567) เวลา 12.50 น. พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี นำกำลังรุดเข้าตรวจสอบบริเวณถนนกลางหมู่บ้าน หมู่ 5 บ้านปากคลอง ต.บางเก่า อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี หลังได้รับแจ้งเหตุว่า มีลูกชายเกิดอาการคุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธมีดฟันหัวแม่เสียชีวิต

พร้อมทั้ง ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลชะอำ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถานจังหวัดเพชรบุรี ร่วมสนับสนุน ที่เกิดเหตุพบชายวัยกลางคน ไม่สวมใสเสื้อ ใส่กางเกงขาสั้น สีดำ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ข้างร่างแม่ที่นอนเสียชีวิต คร่อมรถจักรยานยนต์ ล้มอยู่กลางถนน โดยมีอาวุธมีดวางอยู่ข้างตัว ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดล้อมพื้นที่ ผู้ก่อเหตุมีอาการหลอน นั่งพูดคนเดียวอยู่ตลอดเวลา และท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าไปดำเนินการจับกุมตัว ทราบชื่อต่อมาคือ นายนวพล ลี้เข่งเฮง หรือตี๋ อายุ 38 ปี ชาวอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นมารดาของผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นางสาว พิศวง แก่นคำ อายุ 59 ปี ชาวอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ถูกอาวุธมีดฟันที่บริเวณศีรษะ เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบุคคลที่สนิทคุ้นเคยของผู้ก่อเหตุ มาทำการเจรจาเกลี้ยกล่อม ใช้เวลากว่า 20 นาที นายนวพล ได้ยินยอมและเดินเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังคงอยู่ในอาการคุ้มคลั่งตลอดเวลา เบื้องต้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี นางไฟ มณีฉาย ป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า

ปกติแล้วผู้ก่อเหตุกับแม่มักไม่ค่อยถูกกัน และมักจะมีปากเสียงกันเป็นประจำ พักหลังผู้ก่อเหตุได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนสติประสาทหลอน โดยก่อนเกิดเหตุ แม่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มาตามผู้ก่อเหตุให้กลับไปบ้าน กระทั่งผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดและจอบตีเข้ามาที่บริเวณศีรษะของแม่จนเสียชีวิต

ด้าน พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุได้สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยใช้วิธีการเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็เป็นผลดีกับทุกฝ่าย สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ