หนึ่งในข้อดีของการเดินทางด้วยรถไฟคือความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าในปริมาณมาก ๆ ในเวลาเดียวกัน ช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การเดินทางด้วยรถไฟยังช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองใหญ่ ๆ ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายได้รวดเร็วและตรงเวลา แถมยังประหยัดกระเป๋าอีกด้วย

ภาพสถานีรถไฟหัวลำโพงหรือกรุงเทพ

แต่รู้กันรึเปล่าว่าในประเทศไทยของเขาทั้ง 76 จังหวัดนั้น ไม่ได้มีรถไฟผ่านทุกจังหวัดนะ ถ้าจะให้นับดี ๆ จำนวนตัวเลขก็คือ 29 จังหวัด หรือเกือบครึ่งประเทศเลยก็ว่าได้ แล้วอยากรู้หรือไม่ว่าจังหวัดไหนในประเทศไทยที่ไม่มีรถไฟผ่านบ้าง หากใครสงสัยและอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้หาคำตอบมาให้ทุกคนได้หายสงสัยกันแล้ว

เปิด 29 จังหวัดในประเทศไทย ที่ไม่มีทางรถไฟวิ่งผ่าน ตั้งแต่เหนือจรดใต้ มีดังนี้

1. เชียงราย

2. พะเยา

3. น่าน

4. แม่ฮ่องสอน

5. ตาก

6. กำแพงเพชร

7. อุทัยธานี

8. ชัยนาท

9. อ่างทอง

10. เลย

11. เพชรบูรณ์

12. หนองบัวลำภู

13. บึงกาฬ

14. สกลนคร

15. นครพนม

16. กาฬสินธุ์

17. มหาสารคาม

18. ร้อยเอ็ด

19. มุกดาหาร

20. ยโสธร

21. อำนาจเจริญ

22. สิงห์บุรี

23. จันทบุรี

24. ตราด

25. ระนอง

26. พังงา

27. กระบี่

28. สตูล

29. ภูเก็ต

ทั้งนี้ โครงสร้างรถไฟไทยในปัจจุบันมีความยาวรวม 4,034 กิโลเมตร และหยุดขยายตัวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494 จากระยะทางทั้งหมดนี้ มีเพียง 29 กิโลเมตรที่มีขนาดรางตามมาตรฐาน 1.435 เมตร ส่วนที่เหลือมีขนาดราง 1 เมตร ทางรถไฟคู่มีเพียง 6% ที่เหลือเป็นทางเดี่ยว รถไฟทางคู่สามารถทำให้รถไฟวิ่งสวนกันได้โดยไม่ต้องรอสลับรางนาน แต่หากต้องการเปลี่ยนเป็นรถไฟทางคู่ทั้งหมด ก็ต้องปรับขนาดรางให้เป็นมาตรฐานเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้บางจังหวัดไม่มีการสร้างรถไฟโดยสารนั้น เป็นเพราะลักษณะภูมิประเทศ ประกอบกับการวางแผนเส้นทางรถไฟในอดีตอาจไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของทุกจังหวัด จะเห็นได้ว่า แผนที่เส้นทางรถไฟด้านล่าง จะเชื่อมต่อทุกภาพเข้าด้วยกันผ่านเส้นทางผ่ากลางภูมิภาค ขณะที่ประเทศรอบนอกไกลจากเส้นทางสายหลัก ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ความต้องการในการเดินทางน้อย เพราะเดินทางด้วยวิธีอื่นสะดวก ประหยัดเวลากว่า เช่น รถทัวร์ รถยนต์ หรือเครื่องบิน

ภาพแผนที่เส้นทางรถไฟสายเหนือ ใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และสายแม่กลอง

ที่สำคัญการสร้างทางรถไฟมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งในเรื่องการเวนคืนที่ดิน วัสดุอุปกรณ์ และการก่อสร้าง รัฐบาลอาจมีงบประมาณจำกัดในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ต้องเลือกที่จะลงทุนในโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วนหรือคุ้มค่ามากกว่า