วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดขอนเเก่น ยื่นฟ้องนายสมรักษ์กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีเเต่ไม่เกินสิบเเปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจาร แก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันเป็นความความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา80,83,91, 276,278,283 ทวี, 319 โดยท้ายคำร้องพนักงานอัยการจังหวัดขอนเเก่นยังขอให้นับโทษ นายสมรักษ์ จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องตั้งเเต่เดือน มิ.ย. 2567 มีการสอบคำให้การไปเเล้ว โดยจำเลยให้การปฏิเสธ

สมรักษ์ คำสิงห์ กล่าวว่าตนเดินทางมาที่ศาลทุกนัด ไม่มีความหนักใจในเรื่องดังกล่าว เพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิด พยานหลักฐานต่างๆ ที่ฝ่ายตนมีนั้น มั่นใจว่าจะสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ได้ และจากข้อมูลที่ได้มา ตนเป็นรายที่สามแล้วที่ถูกกระทำในลักษณะนี้ แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด ซึ่งตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนคดีของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดนั้น ส่วนตัวและทนายความก็ยังงงว่าเอามาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร แต่ก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่มีความวิตกกังวลหรือหนักใจในเรื่องคดีแต่อย่างใด

ส่วนบรรยากาศที่ศาลจังหวัดขอนแก่น มีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักมารอติดตามทำข่าวของสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก และอดีตผู้สมัคร สส.ขอนแก่น ซึ่งเดินทางมาถึงศาลในเวลา 09.50 น. สมรักษ์มีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ทักทายกับสื่อมวลชน และเดินขึ้นไปบนศาลจังหวัดขอนแก่นทันที