ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เปิดปฏิบัติการ ปราบรถเถื่อนวิ่งเกลื่อนเมือง

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เปิดปฏิบัติการ ปราบรถเถื่อนวิ่งเกลื่อนเมือง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.3 บก.ทล., พ.ต.ท.บดินทร์ ชูเฉลิม รอง ผกก.กลุ่มงานถวายความปลอดภัย บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ต.สมโภชน์ บุญชะยา สว ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ รอง ผกก.ปรก.บก.ทล., พ.ต.ท.หญิงกัญจิรา นรสาร สว.ปรก. กก.3 บก.ป., พ.ต.ต.วิชิต ศรีทอง สว.ปรก.บก.ป.

พฤติการณ์ เนื่องด้วยสถานการณ์อาชญากรรมปัจจุบัน ในหลายๆคดีที่ผ่านมา จะสังเกตเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, การลักลอบค้าอาวุธ, การลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าว, การฉ้อโกง หลอกจำนำรถ อาชญากรรมมีการใช้รถยนต์ในการกระทำความผิด โดยมีการติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เพื่อปิดบังอำพรางการกระทำความผิด หลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบได้โดยง่าย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีนโยบายให้ปราบปรามอย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ บก.ทล ซึ่งมีหน้างานเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดบนท้องถนนโดยตรง เป็นกำลังหลักในการตรวจสอบตรวจยึดรถยนต์และมี บก.ป.ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงสืบสวนขยายผล ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนถึงขบวนการผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการสวมทะเบียน ป้ายภาษี และคู่มือการจดทะเบียน ก่อนเข้าตรวจค้น บ้านพักแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองเลย จ.เลย พบข้อมูลเลขทะเบียน ข้อมูลป้ายภาษี ข้อมูลยี่ห้อรถยนต์ ข้อมูลตัวถังรถยนต์ จำนวน 2,000 กว่ารายการ ซึ่งเชื่อว่าเป็นข้อมูลเอกสารที่มีการปลอมขึ้นมาเพื่อจัดจำหน่ายไปยังลูกค้าที่มีการสั่งซื้อ

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียน พบว่า เลขทะเบียนส่วนใหญ่ เป็นป้ายทะเบียนว่าง ซึ่งไม่มีข้อมูลในระบบของกรมการขนส่งทางบก บางเลขทะเบียนมีการใช้งานกับรถยนต์ จำนวนมากถึง 26 คัน จึงได้ประสานข้อมูลกับ บก.ทล. และวางแผนเพื่อติดตามจับกุมปราบปรามทั้งขบวนการ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สามารถตรวจยึดรถยนต์ได้ทั้งหมด 23 คัน ซึ่งขณะทำการตรวจยึด พบว่ามีการใช้รถยนต์ดังกล่าวในการกระทำความผิดลักษณะต่างๆ เช่น พกพาอาวุธสงคราม, ขนยาเสพติด, ขนแรงงานต่างด้าว เป็นต้น ก่อนจะส่งข้อมูลต่อมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เพื่อทำการตรวจสอบและสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำความผิด

ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า รถยนต์ส่วนใหญ่ มีเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นบริษัทสินเชื่อรถยนต์(ไฟแนนซ์) โดยผู้ครอบครองได้ทำการเช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทไฟแนนซ์ จากนั้นจึงนำรถยนต์ไปจำนำกับผู้รับจำนำ โดยบางส่วนตั้งใจจะขาย ขณะที่บางส่วนก็ถูกผู้รับจำนำเชิดหนีนำรถยนต์ไปขาย และในส่วนของผู้ที่มาซื้อต่อนั้น บางรายก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นรถหลุดจำนำ แต่เนื่องจากเห็นว่าราคาถูกหรืออาจตั้งใจจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด บ้างก็ไม่รู้ว่าเป็นรถยนต์ที่ได้มา โดยผิดกฎหมาย ถูกผู้รับจำนำรถย้อมแมวขาย จนคิดว่าเป็นรถที่ถูกต้อง เนื่องจากผู้รับจำนำรถมีการขายโดยปลอมทั้งป้ายทะเบียนและคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ทั้งหมด รวมทั้งยังขายในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาดทั่วไปอีกด้วย

จากการสืบสวนขยายผลนำมาสู่การตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด จำนวน 4 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการซื้อขายรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียน/ป้ายทะเบียนภาษีปลอม โดยมีการเข้าตรวจค้นสถานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ราชบุรี ชัยภูมิ และศรีสะเกษ พร้อมทั้งสามารถตรวจยึดรถยนต์ ที่ผิดกฎหมาย ได้เพิ่มเติมอีก 2 คัน ขณะเดียวกันในห้วงเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ยังสามารถตรวจยึดรถยนต์ตู้ทึบ ซึ่งภายในมีการบรรทุกรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักขโมยมาและมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้สืบสวนขยายผลต่อเนื่อง จนพบความเชื่อมโยงของเครือข่ายขบวนการลักรถจักรยานยนต์รายสำคัญ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลติดตามจับกุมเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สามารถสกัดจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติด ในเส้นทางทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 197 ราย เป็นยาเสพติดประเภทยาบ้ากว่า 116 ล้านเม็ด, ยาไอซ์ 1,500 กก. และเฮโรอีน 1,000 กก., ซึ่งสามารถตรวจยึดจับกุมรถสวมป้ายทะเบียนว่าง ได้อีกกว่า 67 คัน ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นป้ายทะเบียนแดง จำนวน 43 คัน และป้ายทะเบียนขาว จำนวน 24 คัน นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวได้ 3,070 ราย และจับกุมการกระทำความผิดทางอาญาทั่วไปที่เกิดขึ้นบนท้องถนนได้อีกกว่า 2,298 ราย

อย่างไรก็ตามขอฝากประชาสัมพันธ์ประชาชน หากพบเหตุต้องสงสัย หรือมีข้อมูลพบการกระทำความผิดบนท้องถนนหลวง สามารถแจ้งที่ตำรวจทางหลวงหมายเลข 1193 ตลอด 24 ชม.

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ