ทนายปราบโกง ร้องปลัด กท.อุตสาหกรรม สั่งปิดโรงงานแป้งมันฯ ดื้อปล่อยน้ำเสียลงที่ สปก.โคราช

ทนายปราบโกง ร้องปลัด กท.อุตสาหกรรม สั่งปิดโรงงานแป้งมันฯ ดื้อปล่อยน้ำเสียลงที่ สปก.โคราช

วันที่ 30 ก.ค.67 ที่ กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. นายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง เดินทางมายื่นหนังสือถึง ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอให้มีคำสั่งปิดโรงงานแป้งมันฉาวในจังหวัดนครราชสีมา

นายกฤษฎา เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากที่ตนเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าของโรงงานผลิตแป้งมันสำประหลังที่มีกำลังการผลิตสูงเป็นอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ชื่อว่า บริษัท สงวนวงษ์ อุตสาหกรรม จำกัด ตั้งอยู่ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ทะเบียนโรงงานเลขที่ 3-9(2)-3/19 นม , 3-9(2)-4/20 นม และ 3-9(5)-1/48 นม.

มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดคือ มีการลักลอบปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.เนื้อที่ 617 ไร่ สร้างความเดือดร้อนด้านมลภาวะทำให้น้ำเน่าเสียกระจายลงสู่พื้นดิน ชาวบ้านไม่สามารถทำการเกษตรกรรมได้ โดยเฉพาะน้ำเน่าเสียได้ส่งกลิ่นเหม็นเป็นบริเวณกว้างทำให้ชาวบ้าน นักเรียนตลอดจนพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานานกว่าสามสิบปี

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและที่ปรึกษากระทรวงเกษตรฯ พร้อมตัวแทนจาก ปปช และ ปปท ได้ทำการรับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ที่ จ.29/2567 ลงวันที่ 18 ก.ค.2567 ผู้ต้องหาชื่อนางวรีพร ตันติวงษ์ ประธานกรรมการบริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด

ในระหว่างการรับมอบตัว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้พูดคุยพร้อมกำชับเจ้าของโรงงานให้ไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้ได้มาตรฐานและหยุดทิ้งน้ำเสียลงในที่ดินของ สปก.อีก เพราะที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนนับพันครัวเรือน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินของ สปก.พบว่ามีการทิ้งน้ำเน่าเสียเป็นบริเวณกว้างรวมเนื้อที่ทั้งหมด 617 ไร่

โดยนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ต.67 ซึ่งได้มีการเข้ามอบตัวแล้ว ตนพบว่าโรงงานก็ยังคงปล่อยน้ำเสียลงไปในที่ดินของ สปก.ตลอดมา แต่จะลักลอบปล่อยน้ำเสียตอนตี 3 เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ โดยตนพบหลักฐานใหม่เมื่อวันที่ 27 กค 2567 เวลา 14.00 น โรงงานเตรียมปล่อยน้ำเสียมาตามท่อลอดใต้ดินไปยังบ่อใหม่อยู่บริเวณตรงข้ามโรงเลี้ยงไก่ของนายป้อม

และบังอาจสั่งคนงานรื้อทำลายป้ายหวงห้ามแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินของส.ป.ก.ที่นำไปติดไว้บริเวณ ทางเข้าบ่อขยะเทศบาล ฯ ทุกป้ายออกไปแบบไม่ยำเกรงต่อกฎหมายการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 ส่งผลทำให้เกิดอันตราย ความเสียหายความเดือดร้อนอย่างมากแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดทิ้งน้ำเน่าเสีย

วันนี้ตนจึงต้องเดินทางมาขอให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 37 และ 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 เพื่อระงับยับยั้งการกระทำของโรงงานแป้งมันแห่งนี้ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนนับพันครัวเรือนจะได้กลับคืนสภาวะปกติและดีขึ้นเป็นลำดับในเร็ววันนี้ และกล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรา 37 เป็นการออกคำสั่งให้โรงงานระงับการ กระทำที่ฝ่าฝืน พรบ.โรงงาน ด้วยการหยุดปล่อยน้ำเสียออกนอกโรงงานและแก้ไขหรือปรับปรุงหรือปฎิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนด

ส่วนมาตรา 39 หากโรงงานไม่แก้ไขปรับปรุงหรือไม่ปฎิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนดให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอำนาจสั่งปิดโรงงานได้โดยเฉพาะกรณีนี้โรงงานแป้งมันเป็นโรงงานจำพวก 3 จึงต้องถือว่าคำสั่งปิดโรงงานมีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย โดยมี นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม มารับหนังสือไว้เสนอ ปลัดกระทรวงฯ ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ