ผู้เสียหาย ร้องไห้ขอให้ช่วย ถูกชายอ้างเป็น ตร. ตรวจค้นยึดทรัพย์สินกว่า 2 แสน ข่มขู่ว่าจะอุ้ม ลูกสาววัย 4 ขวบไป ไม่กล้าให้ไปโรงเรียน
วันนี้ ( 25 ก.ค.67 ) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พานายพงศธร โชติเสมอ และภรรยาเข้าแจ้งความกองปราบฯ โดนบุคคลแอบอ้างตำรวจรีดทรัพย์ และข่มขู่ว่าจะอุ้มลูกสาววัย 4 ขวบไป จนทำให้ไม่กล้าให้ลูกสาวไปโรงเรียน และไม่กล้าแจ้งความด้วย
นายพงศธร กล่าวว่า ตนมีอาชีพซื้อขายผ้าไตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ค.67 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะตนนำผ้าไตรไปส่งขายที่ร้านแถวบริเวณข้างซอยวัดตะระเก จ.นนทบุรี ระหว่างที่นั่งรอเจ้าของร้านกลับเข้ามาที่ร้านได้มีรถกระบะสีขาว 4 ประตูป้ายทะเบียน 3 ขล 4622 ขับเข้ามาจอดเทียบและมีผู้ชายอยู่ในรถ 4 คน 1 คนเดินลงมาถามตนว่าผมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเปล่าขณะที่อีก 1 คนเดินไปค้นที่รถของตนที่จอดอยู่ ตนถามว่าทำผิดอะไร พี่ไม่มีสิทธิ์มาค้นรถผมนะชายทั้งหมด 4 คนจึงเดินมาค้นตัวก่อนจะกระชากกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือของตนไป
หลังจากค้นรถไม่พบวัตถุต้องสงสัยหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไร จึงสั่งให้เปิดแอพ kbank ให้เขาตรวจดูซึ่งไม่มีเงินในบัญชี ก่อนจะพูดคุยกันว่า “เอายังไงดีไม่มีเงินไม่มีอะไรเลย ก่อนจะบอกให้ตนมาทำงานให้หน่อยโดยทั้ง 4 คนนั่งรอให้ตนขายผ้าไตรให้เสร็จก่อน ระหว่างนั้นเอาโทรศัพท์มือถือตนไปแชทไลน์หาบุคคลที่ชื่อ“โฟล์ค คุยแชทไลน์กัน ติดต่อซื้อยาเสพติดกันเองแล้วก็บังคับให้ตนเอาเงินที่ขายผ้าไตรได้มาโอนจ่ายเงินค่ายาเสพติด และยังบังคับให้ตนแชทไลน์หาอีกหลายคนที่เขาสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องยาเสพติดให้ตนถามเรื่องราวไปจนถึงการล่อซื้อจับยาได้แล้ว
และมีคนส่งข้อความมาต่อว่าภรรยาตน บอกว่าเสียเงินให้ตำรวจไป 200,000 บาท ภรรยาตนจึงอัดเสียงสนทนาที่คุยกับคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นหลักฐานด้วย ตนพยายามถามหาโทรศัพท์มือถือของตนอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ยอมคืน ตนมีความผิดอะไร มีข้อหาหรือไม่ แต่เขาไม่ตอบอะไรเลย นอกจากโทร.มือถือแล้ว ยังเอาทรัพย์สินอื่นไปประกอบด้วย โทรศัพท์ iPhone 13ราคา 45,000 บา , มีดหมอหลวงพ่อเกาะซึ่งหาซื้อไม่ได้แล้วราคาอยู่ที่ 100,000 บาท , หลวงพ่อท่านคล้ายรุ่น 1 ราคา 50,000 บาท , หลวงพ่อปานราคา 3,000 บาท , airport 2 ราคา 8,000 บาท, โทรศัพท์ redmi 15gราคา13,000 บาท , พร้อมเงินในบัญชีและ เงินสดจำนวน 7,300 บาท , กล้องวงจรปิด 2,500 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 228,800 บาท
ภรรยา ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนนี้ ครอบครัวของ ของตน อยู่ด้วยความหวาดระแวง โดนข่มขู่ทุกทาง โดยเฉพาะเรื่องการข่มขู่ที่ว่าจะอุ้มลูกตนไป ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างไม่สงบสุข และยังไม่มีเงิน มาเลี้ยงครอบครัว เพราะบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจเอาไปหมด ตนต้องติดเงินค่าเช่าห้อง จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะไล่จากห้องเช่า ตอนไหน และก็ไม่กล้าที่จะให้ลูกสาววัย 4 ขวบ ไปโรงเรียน กลัวว่าลูกจะได้รับอันตราย ตอนนี้สงสารลูกมาก เพราะไม่มีเงิน ที่จะซื้อข้าวดีๆ ให้ลูก กินแต่ไข่ต้ม จึงวอน ขอร้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยไปตรวจสอบ บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจและมายึดทรัพย์สินของครอบครัวตนไป ว่าบุคคลกลุ่มนั้นเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และ และสามีตนทำผิดอะไร ถึงต้องมายึดทรัพย์สินไป และหวังว่าตนจะได้ความเป็นธรรม และทรัพย์สิน ทุกอย่างที่ถูกยึดไปกลับคืนมา
เบื้องต้น ผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจตำรวจกลางดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน