ยายเครียด จับหลาน 6 ขวบ แขวนเชือก สุดท้ายจบชีวิตตาม แต่เชือกยายขาดร่วงหัวฟาดพื้นเจ็บสาหัส หลานเสียชีวิต

ยายเครียด จับหลาน 6 ขวบ แขวนเชือก สุดท้ายจบชีวิตตาม แต่เชือกยายขาดร่วงหัวฟาดพื้นเจ็บสาหัส หลานเสียชีวิต

เมื่อเวลา 14.30 นาฬิกา วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ร.ต.อ.ธีรยุทธ อังวะ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า รับแจ้งเหตุ มีผู้ผูกคอตายเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งภายในบ้านท่ามะนาว หมู่ 2 ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์การพร้อมแพทย์เรียนโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่บริเวณด้านหลังบ้าน พบร่างของผู้เสียชีวิต เป็นเด็กหญิง อายุ ประมาณ 6 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้น ตรวจสอบพบบาดแผลถูกรัดที่ลำคอเป็นแผลขนาดใหญ่ และพบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นหญิงสูงวัย มีร่องรอยถูกเชือกรัดที่ลำคอและมีบาดแผลแตกขนาดใหญ่ที่ศีรษะ เลือดไหลนองเต็มพื้น เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาเพื่อให้แพทย์ทำการ รักษายื้อชีวิต อย่างเร่งด่วน

ตรวจสอบบริเวณด้านหลังบ้านที่เป็นจุดพบศพ พบร่องรอยของการใช้เชือกไนล่อนสีขาว และสายไฟสีดำ ผูกเข้ากับขื่อด้านหลังบ้าน คล้ายกับเป็นบ่วงสำหรับผูกคอตาย

สอบถามนายจำรูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นสามีของหญิงสูงวัยที่ได้รับบาดเจ็บ และเป็นตาของเด็กหญิงวัย 6 ขวบที่เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้เสียชีวิตคือน้องธิชา อายุ 6 ขวบ ซึ่งเป็นหลานสาวของตนและเป็นเด็กที่พิการทางสมองมาตั้งแต่เกิด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือนางหยิมฟ้า (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี เป็นภรรยาของตนเองและเป็นยายของน้องธิชา

นายจำรูญ เล่าต่อว่า ตามปกติแล้ว ที่บ้านหลังนี้จะอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน คือตนเอง นางหยิมฟ้า ภรรยาของตน ลูกสาวของตนซึ่งเป็นแม่ของน้องธิชา และน้องธิชา โดยเมื่อช่วงเช้าตนและลูกสาว ได้ออกไปทำงานที่สนามกอล์ฟตามปกติ มีเพียงนางหยิมฟ้าและน้องธิชา อยู่บ้านกันเพียง 2 คน ซึ่งตามปกติแล้ว นางหยิมฟ้าจะรับหน้าที่เป็นคนดูแลน้องธิชาอยู่กับบ้านมาโดยตลอด ตั้งแต่น้องธิชาเกิด เนื่องจากน้องธิชาพิการทางสมองไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่หลังจากนางหยิมฟ้า เริ่มมีอาการป่วย ด้วยโรคความดันและโรคเบาหวาน ก็เริ่มมีอาการเครียด และบ่นกับตนเองบ่อยครั้งว่า หากตัวเองตายไปกลัวจะไม่มีใครคอยดูแลหลานสาวที่พิการ ซึ่งตนก็คอยปลอบใจให้กำลังใจอยู่ตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ที่ผ่านมา นางหยิมฟ้า กลับจากการไปหาหมอที่โรงพยาบาล และพบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคไต ทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนัก แต่ตนก็ไม่คิดว่า จะถึงขั้นทำให้คิดสั้นเช่นนี้

นายจำรูญ เล่าต่อว่า หลังจากที่ตนเองและลูกสาวออกไปทำงาน เวลาประมาณบ่ายโมงเศษ ภรรยาของตนได้โทรมาหาและบอกให้ตนกลับมาที่บ้านหน่อย ซึ่งตนก็คิดว่าภรรยาอาจจะมีอาการป่วย จึงรีบกลับมาดู แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบภรรยาของตน นอนจมกองเลือดอยู่ที่ด้านหลังบ้านส่วนหลานสาวนอนแน่นิ่งเสียชีวิตไปแล้ว โดยยังไม่ทันที่ตนจะได้ถามอะไร ภรรยาของตนก็ขอให้ตนช่วยใช้เชือก รัดคอให้เสียชีวิตตามหลานสาวไป ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยมานำตัวภรรยาของตนส่งโรงพยาบาลดังกล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าสาเหตุของการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะมาจากการที่นางหยิมฟ้า เกิดความเครียดและวิตกกังวลในอาการป่วยหลายโรคของตนเอง และกลัวว่าหากตนเองเป็นอะไรไปจะไม่มีคนคอยดูแลหลานสาวที่เป็นผู้พิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงได้ตัดสินใจอาศัยช่วงที่ไม่มีคนอยู่บ้าน จับหลานสาวขึ้นไปแขวนคอกับขื่อด้านหลังบ้าน ก่อนจะใช้สายไฟผูกกับขื่อหลังบ้าน แขวนคอตัวเองเพื่อหวังจบชีวิตตามหลานสาวไป แต่เนื่องจากสายไฟรับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหว จึงขาดลงและทำให้ร่างของนางหยิมฟ้า ร่วงตกลงมา ศีรษะกระแทกพื้นจนเป็นแผลแตกขนาดใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว

เบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้ทำการรักษาจนนางหยิมฟ้าอาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องคอยให้มีคนเฝ้าดูตลอดเวลา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะก่อเหตุฆ่าตัวตายซ้ำอีก ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ให้แพทย์ทำการดูแลรักษานางหยิมฟ้าจนหายดี ก่อนจะอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตายตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กาญจนบุรี รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ