ยุ่งยาก! ร้านค้าดัง ไม่เข้าร่วม โครงการดิจิทัลวอเลต
จากกรณีรัฐบาลเตรียมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาและช่วยแก้ปัญหาค่าครองชีพประชาชนในขณะนี้ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุมีผู้ประกอบการร้านค้าสนใจร่วมโครงการกว่า 1.6 ล้านราย เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นจากบรรดาผู้ประกอบการค้าภายในเขตเทศบาลนครตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันเรื่องปัญหาสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการสำรวจบรรยากาศการค้าขาย ร้านอาหาร ประเภท ร้านกาแฟ ติ่มซำ ยามเช้า ต่างยอมรับลูกค้าหายไปไม่ต่ำกว่าครึ่ง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่มากกว่าปีที่ผ่านๆมา
แม้กระทั่งช่วงหลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะที่ร้านค้าต้องแบกรับภาระต้นทุนประกอบการสูงมาก และประชาชนต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูง ทำให้ขาดกำลังซื้อ ก็ยังมีสภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่าในปัจจุบัน ที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนที่สูงมาก ทั้งวัตถุดิบ สินค้าต่างๆที่ปรับขึ้นราคาโดยตลอด รวมถึงค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนมีกำลังซื้อน้อยลง โดยเฉพาะร้านค้าเล็กๆที่มีสายป่านทุนน้อย ได้รับความเดือดร้อนมาก
นายสัมพันธ์ ยิ้วเหี้ยง เจ้าของร้านโกสุย หมูย่าง ถนนห้วยยอด ภายในเขตเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า เศรษฐกิจซบเซาหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา ประกอบกับเพิ่งผ่านพ้นเทศกาล และการเปิดเทอมมา นักท่องเที่ยวก็ไม่มี เพราะเป็นหน้ามรสุม ทำให้ร้านค้าซบเซาเหมือนกันทุกร้าน ทุกวันนี้จะเน้นขายเฉพาะสินค้าเด่นๆของร้าน เช่น หมูย่างเมืองตรัง เพราะพยายามรักษาลูกค้าประจำ และเจาะกลุ่มตลาดออนไลน์ เพื่อพาร้านและลูกน้องฝ่าปัญหาไปให้ได้ ค่าไฟร้านที่ตกเดือนละกว่า 4,000 บาท ต้องพยายามปรับลด เช่น ตู้แช่ลดลง 1 เครื่อง ทำให้ลดลงเหลือเดือนละกว่า 3,000 บาท แต่หากมีการปรับขึ้นค่าไฟอีก ก็จะต้องจ่ายเพิ่มที่ตัวเลขเดิมอีก อยากให้รัฐลดราคาน้ำมัน แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง และตรึงค่าไฟออกไปอีก เพราะหากปล่อยให้มีการขึ้นราคา เชื่อว่าร้านอาหาร ร้านกาแฟ คงจะหยุดขายกันเป็นจำนวนมาก ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทางร้านจะไม่เข้าร่วม เพราะเห็นแล้วยุ่งยากหลายขั้นตอนกว่าจะได้เงิน รับมาแล้วต้องไปใช้จ่ายก่อน จึงจะเปลี่ยนเป็นเงินปกติได้ ยุ่งยาก และมีประชาชนจำนวนมาก ที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการใช้จ่าย
ด้านนางธนาภา โพธิ์วิจิตร เจ้าของร้านภาสินี ร้านชา กาแฟ ติ่มซำ ยามเช้า ถนนพัทลุง ภายในเขตเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่มากกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมาอย่างมาก สังเกตได้จากลูกค้าที่มาทานกาแฟ ติ่มซำยามเช้า ที่หายไปประมาณครึ่งหนึ่ง จากเดิมเคยมานั่งร้านกาแฟ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อนไปทำงาน หรือพาครอบครัวมานั่ง ก็หายไป อาจมาแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะคนไม่มีเงิน ขณะที่รัฐบาลก็ไม่มีแนวทางแก้ปัญหาออกมา อยากให้เร่งแก้ของแพง เพราะจะช่วยทั้งประชาชนและร้านค้า
ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเปิดให้ลงทะเบียนในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนตัวจะไม่ร่วมโครงการ เพราะไม่เห็นด้วยที่รัฐจะนำเงินจำนวนมหาศาลมาแจก ไม่อยากให้รัฐบาลเป็นหนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนเป็นหนี้ไปด้วย ควรนำเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศดีกว่านำมาแจก เพราะใช้แค่เดือนเดียวก็หมด และเมื่อเงินหมด จะทำยังไงต่อไป ปัญหาของแพง ค่าครองชีพสูงก็ยังอยู่ ความเดือดร้อนของประชาชนยังเป็นเหมือนเดิม รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบ
ข้อมูล matichon