พาณิชย์ เผย 10 อันดับธุรกิจยอดฮิต โกยเงินฉ่ำๆ ตลอดปี 2566
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าติดตามแนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจใหม่ และการนำข้อมูลงบการเงินมาร่วมวิเคราะห์ พบ 10 อันดับธุรกิจยอดนิยมที่มีการจัดตั้งสูงสุดในปี 66 และมีรายได้เติบโตแรง ดังนี้
อันดับที่ 10 ธุรกิจความเชื่อและศรัทธา มีธุรกิจจำนวน 151 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 33 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 9 ราย คิดเป็น 37.50% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 200 ลบ.เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 80 ลบ. คิดเป็น 52.92%
โดยเป็นความเชื่อความศรัทธาของแต่ละบุคคลที่สามารถนำมาสร้างเป็นธุรกิจได้ และที่ผ่านมาธุรกิจสายมูเตลูเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมของคนรุ่นใหม่ทั้งการใช้สินค้าที่เกี่ยวกับความเชื่อ และยังเชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวในแหล่งที่เป็นความเชื่อได้อีกด้วย อาทิ การดูดวง ดูฮวงจุ้ย และกำหนดฤกษ์ยาม จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 140 ลบ. นนทบุรี 40 ลบ. และปทุมธานี 10 ลบ.
อันดับที่ 9 ธุรกิจของเล่น มีธุรกิจจำนวน 1,087 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 120 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 49 ราย คิดเป็น 69.01% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.02 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 300 ลบ. คิดเป็น 1.57%
โดย Art Toy เป็นส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจนี้ และเป็นสินค้าที่มีกระแสนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ ผลิตตุ๊กตา เกมและของเล่นอื่นๆ ทั้งขายส่งและขายปลีก จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 9,000 ลบ. สมุทรปราการ 3,000 ลบ. และสมุทรสาคร 1,600 ลบ.
อันดับที่ 8 ธุรกิจสุขภาพ มีธุรกิจจำนวน 9,761 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,670 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 333 ราย คิดเป็น 24.91% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.07 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.01 ล้านลบ. คิดเป็น 17.94%
ภายหลังจากที่โลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทุกคนก็ได้หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ทั้งการสร้างสุขภาพให้แข็งแรงและรักษาอาการเจ็บป่วย ส่งผลให้ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพเติบโตขึ้นไปด้วย อาทิ โรงพยาบาลเฉพาะทาง ทันตกรรม กายภาพบำบัด ฟิตเนส และสปาจังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 54,000 ลบ. นนทบุรี 2,800 ลบ. และสมุทรปราการ 2,700 ลบ.
อันดับที่ 7 ธุรกิจเครื่องสำอาง มีธุรกิจจำนวน 10,320 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,267 ราย ลดลงจากปี 2565 จำนวน 90 ราย คิดเป็น 6.63% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.16 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 9,000 ลบ. คิดเป็น 5.99%
สอดรับกับแนวคิดของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลิกภาพของตัวเอง และเครื่องสำอางมีความหลากหลาย มีการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยการนำนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมากขึ้น อาทิ ธุรกิจขายปลีก/ส่งเครื่องสำอาง จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.13 ล้านลบ. นนทบุรี 4,300 ลบ. และปทุมธานี 4,000 ลบ.
อันดับที่ 6 ธุรกิจ e-Commerce มีธุรกิจจำนวน 7,962 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 1,713 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 254 ราย คิดเป็น 17.41% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.18 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 4,000 ล้านลบ. คิดเป็น 2.12%
ธุรกิจ e-Commerce ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวก มีโอกาสได้เลือกสินค้าได้หลากหลาย และใช้เวลาในการตัดสินใจได้ อาทิ การขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.15 ล้านลบ. นนทบุรี 0.02 ล้านลบ. และสมุทรปราการ 2,000 ลบ.
อันดับที่ 5 ธุรกิจจัดกิจกรรม งานประชุม นิทรรศการ อีเวนต์ มีธุรกิจจำนวน 22,192 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 2,286 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 349 ราย คิดเป็น 18.02% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.22 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.04 ล้านลบ. คิดเป็น 25.90%
โดยธุรกิจนี้เติบโตสอดรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเสริมความคึกคักให้ธุรกิจท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น อาทิ ธุรกิจจัดเลี้ยง โฆษณา ถ่ายภาพ และจัดประชุม/แสดงสินค้า จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 0.19 ล้านลบ.นนทบุรี 0.01 ล้านลบ. และปทุมธานี 5,000 ลบ.
อันดับที่ 4 ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และดูแลสัตว์ มีธุรกิจจำนวน 5,009 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 785 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 73 ราย คิดเป็น 10.25% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.26 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.01 ล้านลบ. คิดเป็น 5.80%
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นเพราะไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา และผู้บริโภคมีทางเลือกในการจับจ่ายเยอะขึ้นเพราะสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ การทำฟาร์มสัตว์ อาหารสำเร็จรูปสำหรับสัตว์เลี้ยง ขายส่งอาหารสัตว์ และขายสัตว์เลี้ยงหรืออุปกรณ์ รวมไปถึงการดูแลสัตว์ จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.11 ล้านลบ. สมุทรปราการ 0.03 ล้านลบ. และนนทบุรี 0.01 ล้านลบ.
อันดับที่ 3 ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า มีธุรกิจจำนวน 8,233 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 601 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 23 ราย คิดเป็น 3.98% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.65 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 7,000 ลบ. คิดเป็น 1.09%
ธุรกิจนี้ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และผู้บริโภคมีความต้องการใช้เครื่องไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย ผ่อนคลายความร้อนจากสภาพอากาศที่มีความร้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี อาทิ ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และร้านขายปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.35 ล้านลบ. ชลบุรี 0.08 ล้านลบ. และระยอง 0.04 ล้านลบ.
อันดับที่ 2 ธุรกิจท่องเที่ยว มีธุรกิจจำนวน 53,696 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 7,402 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 2,178 ราย คิดเป็น 41.69% โดยปี 2566 สร้างรายได้ 0.85 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.23 ล้านลบ. คิดเป็น 36.32% จากปี 2565
เป็นการสอดรับกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในปี 2566 ที่มีจำนวนกว่า 28 ล้านคน (ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) จึงส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องตามไปด้วย อาทิ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด นำเที่ยว ขายปลีกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และร้านอาหาร จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 0.61 ล้านลบ. ภูเก็ต 0.06 ล้านลบ. และชลบุรี 0.03 ล้านลบ.
อันดับที่ 1 ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีธุรกิจจำนวน 885 ราย ปี 2566 มีการจัดตั้ง 91 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 27 ราย คิดเป็น 42.19%
โดยตลอดปี 2566 สร้างรายได้ 2.09 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.24 ล้านลบ. คิดเป็น 13.27% (ส่วนใหญ่เป็นขนาด L สร้างรายได้ถึง 2.06 ล้านลบ.) โดยเป็นการเติบโตตามกระแสความนิยมในการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจที่ผลิตส่วนประกอบหรืออะไหล่รถยนต์เติบโตตามไปด้วย อาทิ ธุรกิจผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่และหม้อสะสมไฟฟ้า ผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล และผลิตยานยนต์อื่นๆ ที่ใช้เพื่อการโดยสาร จังหวัดที่สร้างรายได้สูงสุดคือ สมุทรปราการ 1.04 ล้านลบ. ระยอง 0.30 ล้านลบ. และกรุงเทพมหานคร 0.29 ล้านลบ.